ท่ามกลาง LTF มากมาย เลือกกองทุนไหนดี?
มาถึงคำถามสำคัญที่ทำให้หลายคนสับสนกันมากที่สุด เมื่อหันไปทางไหนก็มีแต่กองทุน LTF เต็มไปหมด แล้วเราควรจะเลือกซื้อ LTF กองทุนไหนดี?
เรื่องที่ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจคือ ไม่มีกองทุนใดดีที่สุด แม้แต่กองทุนที่ เค้าว่ากันว่าดี ก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับคุณ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ “เป้าหมายการลงทุน” และ”ความเสี่ยงที่ยอมรับได้” ของคุณที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะเหมาะกับ “นโยบายกองทุนแบบใด”
บทความนี้เราจะแนะนำ 5 หลักการง่ายๆ ที่จะช่วยคุณตัดสินใจว่ากองทุนใดที่ควรลงทุนเพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตคุณ
หลักการ 5 ข้อเลือกกองทุนอย่างไรให้ตอบโจทย์ชีวิต
1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน
ลองดูตัวอย่าง 2 กองทุนนี้
กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว SET50” หรือ KFLTF50 มีนโยบายลงทุนในหุ้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 75% ของ NAV โดยเน้นหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET50 มีการบริหารกองทุนแบบ Passive Fund โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET50 กองทุนนี้ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล ลงทุนยาวไปจนครบ 7 ปีปฏิทิน ถ้าต้องการใช้เงิน ค่อยขายคืนไม่ผิดเงื่อนไข ได้รับผลตอบแทนเต็มๆ ไม่เสียภาษีจากกำไรที่ได้ด้วย หรือจะถือการลงทุนต่อเนื่องให้เงินเติบโตไปอีกก็ได้
แต่ถ้าใครสนใจลงทุนหุ้นขนาดใหญ่เช่นกัน แต่มุ่งหวังจะรับกำไรออกมาระหว่างทาง น่าจะถูกใจ “กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวแอ็คทีฟ SET50 ปันผล” หรือ KFLTFA50-D มากกว่า กองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลด้วย และเป็นกองทุนแบบ Active Fund คือมีการคัดเลือกหุ้นในกลุ่ม SET50 อีกขั้นตอนหนึ่ง และบริหารการลงทุนเพื่อเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เหนือกว่าดัชนี SET50 ที่ผ่านมา KFLTFA50-D มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอเกือบทุกปี รวมแล้ว 12 ครั้ง เป็นเงิน 6.68 บาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุน / ดูประวัติจ่ายปันผล KFLTF50 และ KFLTFA50-D
2. พิจารณาความเสี่ยงที่สามารถรับได้
แต่ถ้าคุณมองเรื่องการกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องรอง อยากลงทุนเน้นๆ focus ในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคัดแล้วว่าดี มีศักยภาพสูง กองทุนที่น่าจะตรงใจคือ “กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวไดนามิค-ปันผล" หรือ KFLTFDNM-D
หลักการ 2 ข้อแรกที่ผ่านไปจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณเอง คือมีเป้าหมายในการลงทุนอย่างไร และรับความเสี่ยงได้แค่ไหน มาถึง 3 ข้อที่เหลือจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทุนที่ต้องดู เพื่อจะได้ตัดสินว่าจะตอบโจทย์ตรงกับตัวคุณหรือเปล่า
3. ดูนโยบายการลงทุน
นโยบายการลงทุนจะบอกประเภทของสินทรัพย์ที่ลงทุน ซึ่งดูได้จากเอกสารสรุปสาระสำคัญกองทุน หรือถ้าจะให้ได้ข้อมูลโดยละเอียดก็อ่านจากหนังสือชี้ชวนของกองทุนได้ ดูเผินๆ LTF ลงทุนในหุ้นไทย แต่รายละเอียดของแต่ละกองทุนจะต่างกันไป มีทั้ง LTF ที่ลงทุนหุ้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% ตราสารหนี้ 30% ของ NAV ซึ่งจะมีความผันผวนน้อยกว่ากองทุนที่ลงทุนหุ้นล้วน (KFLTFD70) หรือ LTF ที่ลงทุนหุ้นไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% หุ้นต่างประเทศ 30% ของ NAV ก็กระจายความเสี่ยงและโอกาสไปหาผลตอบแทนจากต่างประเทศด้วย (KFLTFAST-D) แล้วยังมีทั้ง Active Fund และ Passive Fund ให้เลือกว่าอยากได้ผลตอบแทนตามดัชนีตลาดหุ้น หรือชนะตลาด เป็นต้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุน KFLTFD70
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุน KFLTFAST-D
4. นโยบายจ่ายเงินปันผล
ถ้ามองหา LTF ที่มีประวัติจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ “กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล” หรือ KFLTFDIV มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดี มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กองทุนนี้จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 1 ครั้งมาตลอดทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2547 เหมาะกับผู้ที่ชอบลงทุนหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ ไม่หวือหวา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุน / ดูประวัติจ่ายปันผล KFLTFDIV
5. ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
ผลการดำเนินงานย้อนหลังมักจะถูกใช้ในการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจซื้อกองทุน ส่วนใหญ่นิยมเปรียบเทียบกับดัชนีที่เหมาะสม ซึ่งจะสามารถบอกความน่าจะเป็นของแนวโน้มผลตอบแทนได้ ที่สำคัญคือถ้าเป็นกองทุนที่มีมานานแล้ว ควรจะดูผลตอบแทนย้อนหลังระยะยาวหน่อย เช่น 3-5 ปีขึ้นไป เพื่อให้เห็นผลงานของผู้จัดการกองทุนผ่านช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงทั้งขาขึ้นและลง
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินการของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจว่าผลตอบแทนย้อนหลังไม่สามารถการันตีอนาคตได้
สรุป
ท่ามกลางกองทุน LTF ที่มีมากมาย ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนก็ไม่ต่างอะไรจากนักเดินทางที่ไร้เข็มทิศ ดังนั้นผู้ลงทุนควรเริ่มต้นจากทำความเข้าใจตัวเองว่าต้องการลงทุนเพื่ออะไร รับการขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน และมีความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ใช้พิจารณาในการเลือกกองทุน ได้แก่ นโยบายการลงทุน การจ่ายปันผล และผลดำเนินการย้อนหลัง เพียงเท่านี้ก็จะลดความงุนงง ความสับสนในการเลือกกองทุนได้
พบกับโปรโมชั่นดีๆ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จาก บลจ.กรุงศรี ที่จะช่วยสนับสนุนการลงทุนของคุณ คลิกที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน | LTF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้น
- ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น และไม่เกิน 500,000 บาทต่อ
- ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน
- กรณีขายคืนก่อน 7 ปีปฎิทิน ผู้ลงทุนต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับของเงินลงทุนที่ขายคืนไปรวมกับเงินได้พึงชำระภาษีตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร
- การขายคืนจะดำเนินการโดยใช้หลักเกณฑ์ "เข้าก่อนออกก่อน (FIFO)"