สรุปภาวะตลาด

สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
26/12/2565

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันที่ 23 ธ.ค. ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนขานรับการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่สูงกว่าคาด และหุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดพุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 59.7 ในเดือน ธ.ค. สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นและตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.1 หลังจากแตะระดับ 56.8 ในเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และผู้บริโภคยังคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าระดับ 4.9% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค. หลังมีรายงานว่ารัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบจากแถบบอลติก โดยบดบังปัจจัยลบจากรายงานข่าวที่ว่า สายการบินในสหรัฐยกเลิกเที่ยวบินกว่า 4,400 เที่ยวเนื่องจากเกิดพายุหิมะ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการในการเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุดชะลอตัวลง
  • ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐมีแผนที่จะซื้อน้ำมันเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) รวมทั้งจากความหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19
  • รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน พ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน ต.ค. และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน พ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือน ต.ค. ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) เพิ่มขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน พ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือน ต.ค. ทางด้านคำสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 2.1% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน พ.ย. ในขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 5.8% จากเดือนก่อนหน้า สู่ 0.64 ล้านยูนิตต่อปีในเดือน พ.ย.
  • อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นที่ไม่รวมหมวดอาหารสด แต่รวมหมวดพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน พ.ย. โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2524 และอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ 2% เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันที่ 23 ธ.ค. เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า โรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยนายจาง เหวินหง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดเชื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนจะพุ่งแตะระดับสูงสุดภายในเวลา 1 สัปดาห์ และอัตราการป่วยรุนแรงจะพุ่งขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและบุคคลากรทางการแพทย์ และคาดว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวอาจจะยืดเยื้อต่อไปประมาณ 1-2 เดือน ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือและขยายระบบสาธารณสุขให้ครอบคลุม"
  • ตลาดหุ้นไทยวันที่ 23 ธ.ค. ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบาง โดยเปิดตลาดปรับตัวลดลงและซื้อขายในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะฟื้นตัวซื้อขายในแดนบวกในช่วง 1 ชั่วโมงสุดท้าย ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าที่คาด ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยยาวนานกว่าที่คาด และส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงประกาศออกมาอย่างแข็งแกร่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่าเฟดอาจจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวจึงทำให้บรรยากาศในการซื้อขายค่อนข้างบางเบา และคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ
 

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,203.93 จุด เพิ่มขึ้น 176.44 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,844.82 จุด เพิ่มขึ้น 22.43 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,497.86 จุด เพิ่มขึ้น 21.74 จุด หรือ +0.21%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 427.45 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด หรือ +0.04% และปรับตัวขึ้น 0.6% ในรอบสัปดาห์
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,045.87 จุด ลดลง 8.56 จุด หรือ -0.28%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 2.07 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 79.56 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 6.9% ในรอบสัปดาห์นี้
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ระดับ 1,804.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้
  • ในประเทศ
    • ดัชนี SET ปิดที่ 1,617.55 บวก 0.88 จุด (+0.05%) Trading Volume: 39,041.84 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
      โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.15%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (+0.35%) กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (+0.15%) กลุ่มธนาคาร (+0.17%) และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (+0.48%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 303.29 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
    •   นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 8,017.17 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,047.30 ล้านบาท
ที่มา : Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน