ปัจจัยสำคัญ 

• ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
• ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ตลาดฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) ปรับตัวลง 0.5% เนื่องจากข้อพิพาทระหว่างจีนและหลายประเทศ โดยล่าสุดญี่ปุ่นออกมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ทันสมัย 23 ชนิดให้กับจีน ซึ่งเป็นการเข้าร่วมกับสหรัฐในการสกัดไม่ให้จีนเข้าถึงชิปที่ทันสมัย เนื่องจากกังวลว่าจีนอาจใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหาร
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นฟิลิปส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเนเธอร์แลนด์พุ่งขึ้น หลังการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน แม้ว่านักวิเคราะห์จากธนาคารหลายแห่ง ได้แสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนก็ตาม
• หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเงินหยวนดิจิทัลของธนาคารกลางจีน หรือ CBDC พุ่งขึ้น แม้ตลาดหุ้นในวงกว้างจะซบเซาก็ตาม โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนออกมาตรการล่าสุด เพื่อส่งเสริมการใช้งานหยวนดิจิทัล ทั้งนี้ สำนักข่าวซีเคียวริตี้ส์ ไทม์สของทางการจีนรายงานว่า เขตฉางซู เมืองซูโจว มณฑลเจียงซูทางภาคตะวันออกของประเทศจีนจะจ่ายเงินเดือนข้าราชการและพนักงานภาครัฐอื่น ๆ เป็นหยวนดิจิทัลตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป
• รัฐบาลฮ่องกงเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของฮ่องกงในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.1% จากเดิม 3.3% เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.-ก.พ. ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
• ทำเนียบขาวขอให้เกาหลีใต้โน้มน้าวให้กลุ่มผู้ผลิตชิปหลีกเลี่ยงการขายชิปให้กับจีน หากจีนคว่ำบาตรบริษัทไมครอนของสหรัฐจากการขายชิป ในขณะที่สหรัฐพยายามรวบรวมกลุ่มพันธมิตร เพื่อตอบโต้การบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีน
• รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่า ธนาคารกลางเวียดนามจะปรับโครงสร้างเงินกู้เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ประสบปัญหา ซึ่งรวมถึงการเลื่อนเวลาการชำระเงินกู้ โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว
• SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด ช่วงสิ้นวัน ตลาดปิดปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (-0.98%) และกลุ่มพลังงาน (+0.20%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 681.55 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,875.40 จุด เพิ่มขึ้น 66.44 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,037.20 จุด ลดลง 35.25 จุด หรือ -0.29%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 468.97 จุด ลดลง 0.03 จุด หรือ -0.01%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,275.41 จุด ลดลง 25.84 จุด หรือ -0.78%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 78.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 1,999.80 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,557.87 ลบ 0.49 จุด (-0.03%)
    Trading Volume: 35,494.52 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
    • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 3-6 bps