บททดสอบการลงทุนจากชีวิตจริง


ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด


การลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทองคำในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนติดลบเนื่องจากมีหลายปัจจัยรุมเร้า ได้แก่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อกว่าที่คาด ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันมีราคาแพงขึ้น การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุล ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้นและการบริโภคอาจชะลอตัวลง รวมถึงสภาพคล่องในตลาดจะลดลง การระบาดของโควิด-19 ในจีนซึ่งนำไปสู่การล็อคดาวน์เมืองใหญ่ๆ ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก และส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนอุปทานเลวร้ายลง
ทั้งนี้ การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดดูเหมือนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุด เพราะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้นทั่วโลก โดยในปัจจุบัน ตลาดตราสารหนี้สะท้อนว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยสู่ 2.75 – 3.00% ในปีนี้

การที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐออกมาหดตัว 1.4% ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนคาดหวังว่าเฟดอาจไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยมากอย่างที่กังวล อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐพบว่า สาเหตุหลักที่ส่งผลให้จีดีพีหดตัวมาจากการส่งออกที่หดตัว 5.9% ในขณะที่ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ดังนั้น การที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐติดลบอาจไม่เพียงพอที่จะส่งผลให้เฟดเปลี่ยนท่าทีในการขึ้นดอกเบี้ย

สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้ไทยในช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเช่นกัน เพราะถึงแม้ ธปท. ระบุว่าจะคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสาเหตุของเงินเฟ้อในไทยมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐ ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ติดลบจากการคิดราคาตราสารหนี้ตามราคาตลาดล่าสุด (mark to market)

จากปัจจัยลบที่มีมากมายในขณะนี้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตมีมากขึ้น  ในขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเป็นเพียงการเติบโตในอัตราที่ชะลอลง เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง และปัญหาที่รุมเร้าเศรษฐกิจเหล่านี้เป็นปัจจัยชั่วคราว ซึ่งหากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลง และจีนเริ่มผ่อนคลายการล็อคดาวน์ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 พร้อมทั้งทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แรงกดดันเงินเฟ้อน่าจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เฟดอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และตลาดอาจพลิกกลับมามีมุมมองเชิงบวก

ในภาวะที่ปัจจัยลบรุมเร้าเช่นนี้ อาจเป็นโอกาสที่ดีที่ท่านจะทราบว่าจริงๆแล้วท่านรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยบางท่านอาจจะยอมรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยกว่าที่ท่านเคยคิดไว้ก็เป็นได้
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เป็นนักลงทุนที่ชอบลงทุนสวนตลาด (Contrarian investor) และสามารถลงทุนเพื่อรอรับผลตอบแทนในระยะยาว อาจจะมองว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีสำหรับการลงทุนตามแนวคิดของ Baron Rothschild ที่กล่าวไว้ว่า "Buy when there's blood in the streets, even if the blood is your own." หรือจะเดินตามรอย Warren Buffett ที่ให้แนวทางไว้ว่า “Be fearful when others are greedy and greedy when others are fearful.” ซึ่งทั้ง 2 แนวทางนี้สะท้อนถึงจิตวิทยาของตลาดได้ดี กล่าวคือ ในภาวะที่นักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวก ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนราคาเกินปัจจัยพื้นฐาน จึงมีความเสี่ยงสูงที่ตลาดจะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หากนักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงลบ ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงจนราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และรอโอกาสที่จะรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ซึ่งในช่วงนี้นักลงทุนอาจได้เห็นข่าวการเข้าลงทุนของ Warren Buffett มากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่เขามองเป็นโอกาสที่ดีตามแนวทางการลงทุนของเขาที่มองเห็นว่ามีหุ้นบางตัวปรับตัวลดลงมากเกินไป

ในทางตรงกันข้าม นักลงทุนที่นิยมแนวทางลงทุนตามตลาด (Momentum investor) อาจมองว่าไม่ควรที่จะเข้าลงทุนในช่วงนี้ เพราะตลาดอาจร่วงลงมากกว่านี้ จะได้ไม่เจ็บตัว (Don’t catch a falling knife) ซึ่งอาจจะรอดูสถานการณ์ให้มีความชัดเจนและรอให้ตลาดนิ่งหรือมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นจึงจะกลับเข้าลงทุน โดยช่วงนี้อาจจะพักเงินลงทุนไว้ที่เงินฝากหรือกองทุนรวมตลาดเงินเพื่อรอโอกาสการลงทุนที่เหมาะสม
แต่สำหรับท่านที่เป็นนักลงทุนที่ผสมผสานแนวทางการลงทุนทั้ง contrarian และ momentum ท่านอาจเริ่มทยอยลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและราคาไม่แพง เพื่อรอโอกาสที่จะเพิ่มเงินลงทุนหรือย้ายเงินลงทุนไปลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงเมื่อตลาดกลับมามีทิศทางดีขึ้นชัดเจน โดยที่ท่านจะไม่พลาดโอกาสการลงทุนในตอนที่ตลาดยังไม่ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือท่านควรประเมินความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ก่อนการตัดสินใจลงทุน

พบทุกคำตอบเรื่องเงินที่ Krungsri The Coach คลิกที่นี่ 








ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
สามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี  โทร. 02-657-5757
หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว