วัดพลังบวก 3 กองทุนหุ้น: KF-US-PLUS / KFHTECH / KFGDIV




ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (โดย Krungsri Private Banking) ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) จัดสัมมนา “Triple Power: US Equities, Global Tech, Dividend Plays” คัด 3 กองทุนของ บลจ.กรุงศรี ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตที่ดีให้กับพอร์ตในสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่
  • กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสซีเล็คอิควิตี้พลัส (KF-US-PLUS)
  • กองทุนเปิดกรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ (KFHTECH)
  • กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลดิวิเดนด์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ (KFGDIV)
โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก บลจ.กรุงศรี และบริษัทกองทุนหลักระดับโลกมาร่วมถ่ายทอดมุมมองและกลยุทธ์การลงทุนแต่ละกองทุน รวมทั้งมุมมองต่อทิศทางตลาด กลยุทธ์การจัดสัดส่วนพอร์ต และโอกาสการเติบโตระยะยาวที่น่าสนใจ
  • คุณพรชนก รัตนรุจิกร, CFA, ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี 
  • คุณ Quincy Wang, Vice President, Product Strategist, BlackRock
  • คุณเกียรติภูมิ ธีรภัทรสกุล, Senior Sales Manager, Fidelity International
  • คุณ Rohini Chopra, Vice President, Client Advisor, J.P. Morgan Asset Management
เจาะลึกมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญ
มุมมองจาก บลจ.กรุงศรี
  • กลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนที่ผสมผสานหุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยีระดับโลก และหุ้นที่สร้างรายรับจากกระแสเงินปันผล โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสการเติบโตและความมั่นคงของรายได้ เหมาะสมกับภาวะตลาดที่ยังคงเผชิญความผันผวน ความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และผลต่อเนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลก
  • สำหรับ KF-US-PLUS กองทุนนี้โดดเด่นเพราะสามารถใช้เป็นพอร์ตลงทุนหลักระยะยาวได้ โดยลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund ซึ่งใช้กลยุทธ์ 130/30 คือการลงทุน Long 130% ในหุ้นศักยภาพสูง และ Short 30% ในบริษัทที่มีแนวโน้มอ่อนแอเชิงโครงสร้าง กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) โดยยังรักษาความผันผวนให้อยู่ในระดับใกล้เคียงตลาดโดยรวม

ที่มา: J.P. Morgan Asset Management ใช้เพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น

มุมมองจาก J.P.Morgan Asset Management
ผู้บริหารกองทุน JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund กองทุนหลักของ KF-US-PLUS
  • US Select Equity Plus Fund บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูง ใช้กรอบการประเมินมูลค่าที่ J.P. Morgan Asset Management พัฒนามากว่า 37 ปี ร่วมกับเครื่องมือ AI ขั้นสูง และการบูรณาการปัจจัย ESG เข้าสู่การวิเคราะห์
  • กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี S&P 500 ได้อย่างต่อเนื่องในหลายช่วงเวลา โดยอาศัยความสามารถในการเก็บเกี่ยวโอกาสจากหุ้นนวัตกรรมที่มีความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็มีกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากหุ้นที่มีแนวโน้มอ่อนแอเชิงโครงสร้าง ปัจจุบันกองทุนถือครองหุ้นมากกว่า 270 หลักทรัพย์ กระจายไปในหลากหลายอุตสาหกรรม จึงนำเสนอกลยุทธ์ที่สมดุลแต่ยังคงความกล้าในการลงทุน เพื่อรับมือได้ทั้งช่วงตลาดขาขึ้นและช่วงที่มีความผันผวน อีกทั้ง กองทุนยังคงรักษาระดับความผันผวนให้อยู่ใกล้เคียงกับกองทุนแบบเชิงรับ (Passive) ขณะเดียวกัน พอร์ตส่วนเสริม (Extension Portfolio) ได้ถูกจัดวางเชิงกลยุทธ์ โดยลงทุน Long ในหุ้นนวัตกรรมชั้นนำ เช่น Nvidia และ Amazon และ Short หุ้นที่มีความท้าทายเชิงโครงสร้าง เช่น Netflix ซึ่งช่วยสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าเมื่อปรับตามความเสี่ยง (Superior Risk-adjusted Returns) กลยุทธ์แบบผสมผสานนี้เปิดโอกาสให้กองทุนสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าดัชนี 

ที่มา: J.P. Morgan Asset Management จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น หลักทรัพย์/สัดส่วนการลงทุนที่ระบุไว้ข้างต้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำให้ซื้อหรือขายใด ๆ | ¹ดัชนีชี้วัด (Benchmark) คือ S&P 500 Index พอร์ตการลงทุนมีการบริหารเชิงรุก โดยรายการลงทุน น้ำหนักอุตสาหกรรม สัดส่วนการลงทุน และการใช้เลเวอเรจ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ ตัวเลขสัดส่วนรวมอาจไม่ครบ 100% เนื่องจากมีส่วนของเงินสดและเทียบเท่าเงินสดอยู่ด้วย

มุมมองจาก BlackRock
ผู้บริหารกองทุน BGF World Technology Fund กองทุนหลักของ KFHTECH
  • อุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้การลงทุนในกองทุนที่เน้นเทคโนโลยีมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น AI Ecosystem ครอบคลุมตั้งแต่โมเดลพื้นฐาน (Foundational Models) โครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ ไปจนถึงการใช้งานจริง (Applications) โดยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น Microsoft, Amazon และ Nvidia รวมถึงผู้เล่นรายสำคัญจากจีนอย่าง Alibaba, ByteDance และ DeepSeek สิ่งนี้สะท้อนว่า ไม่เพียงแต่หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ เท่านั้น แต่หุ้นเทคโนโลยีจีนเองก็กำลังมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน ซึ่งตอกย้ำความสำคัญของการกระจายการลงทุนไปในหลายภูมิภาคภายในกลุ่มเทคโนโลยี

ที่มา: BlackRock (BLK) ณ ก.ค. 68 | ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ประกอบภาพเท่านั้น การอ้างอิงถึงชื่อบริษัทหรือโลโก้ของบุคคลที่สามในเอกสารนี้ ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุนหรือการเสนอให้ลงทุนในบริษัทนั้นๆ และใช้เพื่อประกอบภาพเท่านั้น และไม่ได้บ่งชี้ถึงการสนับสนุน การรับรอง การเป็นพันธมิตร หรือความเกี่ยวข้องใดๆ กับ BlackRock สกุลเงินทั้งหมดแสดงเป็นดอลลาร์สหรัฐ (USD)

•    แม้ในช่วงปี 2023–2024 หุ้นเทคโนโลยีจะปรับตัวขึ้นแรง แต่ระดับมูลค่ายังคงสะท้อนการเติบโตของกำไร มากกว่าการเก็งกำไรที่สูงเกินจริง อีกทั้งอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในช่วง “Creative Destruction” ที่นวัตกรรมจะเป็นตัวกำหนดผู้นำรายใหม่ในระยะยาว


ที่มา: FactSet และ BlackRock ณ 30 มิ.ย. 68 |  ข้อมูลแสดงค่าเฉลี่ย EV ต่อรายได้ 1 ปีข้างหน้าของบริษัทกว่า 2,000 แห่งในกลุ่มที่ทีมบริหารของเราวิเคราะห์เอง ไม่มีการรับประกันว่าการคาดการณ์ใดจะเกิดขึ้นจริง

มุมมองจาก Fidelity International 
ผู้บริหารกองทุน Fidelity Funds - Global Dividend Fund กองทุนหลักของ KFGDIV
  • กองทุนหุ้นปันผลโลกทำหน้าที่เป็นหลักที่มั่นคง (Defensive Anchor) ในช่วงตลาดผันผวน โดยไม่มีการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่เติบโตสูง อีกทั้ง กองทุนมุ่งเน้นบริษัทคุณภาพสูงที่มีกำไรสม่ำเสมอและงบดุลแข็งแกร่ง แทนที่จะไล่ตามหุ้น “นางฟ้าทั้ง 7” (Magnificent 7) กองทุนลงทุนในหุ้น 100 บริษัทคุณภาพดีมีมูลค่าน่าสนใจ และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ

ที่มา: Fidelity International, ณ 30 มิ.ย. 68 | “Big 7” หมายถึงหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ได้แก่ Nvidia, Meta, Apple, Amazon, Tesla, Microsoft และ Alphabet ข้อมูลข้างต้นเกี่ยวข้องกับ Fidelity Funds – Global Dividend Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ KFHTECH  และยังไม่ได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต.เพื่อเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปในไทย
  • ระดับอัตราเงินปันผลเฉลี่ยของหุ้นที่ Fidelity Funds - Global Dividend Fund ไปลงทุนในปัจจุบันอยู่ที่ 3.01%* โดยกองทุนมีประวัติการปรับตัวลดลงที่ต่ำกว่าดัชนีหุ้นโลก แสดงถึงความแข็งแกร่งของพอร์ต การให้น้ำหนักลงทุนในกลุ่มการเงิน อุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการเน้นภูมิภาคยุโรปและสหราชอาณาจักร สะท้อนกลยุทธ์ที่เน้นมูลค่า
ที่มา: Fidelity International, ณ 30 มิ.ย. 68 | *ผลตอบแทนพอร์ต ณ 31 ก.ค. 68 | ผลการดำเนินงานในอดีตไม่รับประกันผลการลงทุนในอนาคต ข้อมูลนี้เกี่ยวข้องกับ Fidelity Funds – Global Dividend Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ KFHTECH และยังไม่ได้จดทะเบียนกับสำนักงาน ก.ล.ต.เพื่อเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปในไทย


ที่มา: Fidelity International, Bloomberg ข้อมูล ณ 31 ธ.ค. 67


กองทุน KF-US-PLUS / KFHTECH / KFGDIV จะสามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกมิติของการลงทุน ไม่ว่าจะมองหาการเติบโต ความมั่นคง หรือรายได้จากเงินปันผล กลยุทธ์นี้คือการผสมผสานระหว่างการบริหารเชิงรุก ความเชี่ยวชาญเชิงอุตสาหกรรม และความยั่งยืนในระยะยาว

สรุปข้อมูลสำคัญ 3 กองทุน บลจ.กรุงศรี คลิกที่นี่ 
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • KF-US-PLUS ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน/ได้กำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าจำนวนเงินลงทุนเริ่มต้น
  • KFHTECH มีการลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรม จึงอาจทำให้เกิดการสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
  • เอกสารนี้จัดทำขึ้นจากข้อมูลที่รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ณ วันที่เผยแพร่ อย่างไรก็ตาม บลจ.กรุงศรี ไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมดได้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอหนังสือชี้ชวน กรุณาติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด | โทร. 0-2657 5757 กด 2

ข้อมูล KF-US-PLUS-A คลิก

ข้อมูล KFHTECH-A คลิก

ข้อมูล KFGDIV-A คลิก

ข้อมูล KFGDIV-D คลิก

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว