เก็บเงินได้ ลงทุนดี ชีวิตเปลี่ยน...



เวลาได้ยินใครบอกว่า “ต้องเก็บเงินและลงทุน วันหน้าจะได้สบาย”  คุณเคยแอบคิดในใจมั้ยว่า “แหม!! จะใช้ให้พอวันนี้ยังยาก จะเก็บไปเผื่อวันหน้าได้ยังไง” ซึ่งก็จริงว่าถ้าใช้ไม่พอย่อมไม่มีเหลือเก็บ แต่ลองคิดดูว่า ถ้า ณ วันนี้ที่เราทำงานมีรายได้เข้ามาทุกเดือน ยังใช้แล้วไม่มีเงินเหลือเก็บ อนาคตเมื่อเกษียณ ไม่ได้ทำงานและไม่มีเงินเดือนแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ วันนี้ที่ว่า”ไม่พอใช้” จะเปลี่ยนเป็น”ไม่มีใช้” ในวันหน้าแหงๆ แล้วสมัยนี้คนเราอายุยืน ยิ่งต้องใช้เงินไปอีกนาน ไหนจะค่าหมอค่ายา ถึงตอนนั้น 30 บาทอาจไม่ได้รักษาทุกโรค เงินประกันสังคม บำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพรวมกันแล้วพอจริงมั้ย โอย...คิดตามแล้วกลุ้มใจ เปลี่ยนไปช้อปปิ้งออนไลน์ดีกว่า!!! ช้าก่อน ลองอ่านให้จบ

 
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า เงินในวันหน้าคือผลสะสมของเงินในวันนี้ เพราะฉะนั้นสำคัญที่คุณต้องเริ่มวันนี้ อย่าผัดวันประกันพรุ่งว่าเดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะไม่เหลือเงินหรอก เดือนหน้าค่อยเก็บ หรือบางคนก็คิดว่า อายุเพิ่ง 30 เองอีกนานกว่าจะเกษียณ สักอายุ 40-50 ค่อยเริ่มเก็บก็ได้ หลักการออมการลงทุนคือออมก่อนรวยกว่าค่ะ ถ้าคิดง่ายๆ เหมือนฝากเงินธนาคารด้วยเงินต้นเท่ากันให้ดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ 20 ปี ย่อมได้เงินรวมมากกว่าฝาก 10 ปี


 
จริงๆ แล้วการเก็บเงินไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเงินจำนวนมาก เพียงแค่เริ่มต้นด้วยเงินเล็กน้อย แต่มีวินัยเก็บสะสมไปเรื่อยๆ ทุกเดือน ทุกปี ก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่เราเหลือเงินค่าขนมมาหยอดกระปุกวันละไม่กี่บาท แต่หยอดทุกวันเดี๋ยวก็เต็ม และเพื่อให้มีตัวช่วยให้คุณจะเก็บได้สม่ำเสมอจริงๆ ลองใช้หลักการเก็บก่อนใช้ดูก็ได้ เงินเดือนออกปุ๊บ ย้ายเงินส่วนหนึ่งไปเก็บก่อน ถ้าเป็นการเก็บเพื่ออนาคตระยะยาว จะยิ่งดีถ้าเก็บในที่ที่เอากลับออกมาใช้ได้ยากมาก เพื่อป้องกันอาการใจอ่อนถอนออกมาใช้ก่อนเวลาอันควร เช่น พ่อบ้านใจกล้าอาจฝากเก็บไว้ในบัญชีชื่อภรรยา จะได้เกรงใจไม่ไปขอคืน!! ถ้ากลัวว่าเงินที่เหลือจะไม่พอใช้ ก็ให้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น  ถ้าเคยดื่มกาแฟแก้วละร้อยกว่าบาททุกวัน อาจเปลี่ยนเป็นดื่มกาแฟที่ราคาถูกลงหรือลดความถี่ในการดื่ม  

ต่อมาคือต้องทำอย่างไรกับเงินที่เก็บได้ จำเป็นต้องลงทุนมั้ย  เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเลยไม่ค่อยอยากลงทุน  แต่อย่าลืมว่าการเก็บออมเพียงอย่างเดียวโดยไม่ลงทุนนั้นก็มีความเสี่ยงที่ในอนาคตเงินจะลดค่าลง ตัวอย่างคลาสสิคสุดคือเมื่อสัก 10ปีก่อน มีเงิน 20 บาทซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ชามนึง แต่ปัจจุบันเงิน 20 บาทไม่สามารถซื้อก๋วยเตี๋ยวทานได้แล้ว เงินเท่ากันแต่ค่าลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะเงินเฟ้อนั่นเอง ดังนั้น เมื่อเก็บเงินแล้วต้องลงทุน เพราะจะเป็นวิธีที่ทำให้เงินงอกเงยสู้กับเงินเฟ้อ    
 
การฝากธนาคารเสี่ยงต่ำสุด แต่ดอกเบี้ยที่ได้ก็ต่ำจนไม่อาจเอาชนะเงินเฟ้อได้ นึกถึงการลงทุนที่เสี่ยงสุดๆ บางคนอาจบอกว่าคือการซื้อหวย เพราะถ้าถูกรางวัลก็ได้เงินเยอะ ถูกรับประทานเงินก็สูญหมด เราไม่ควรเสี่ยงสูงแบบนั้น โอกาสถูกรางวัลได้กำไรน้อยมากๆ ยังมีตัวเลือกอื่นๆ อีกมาก ที่มีความเสี่ยงต่างๆ กันไป วันนี้ที่จะแนะนำคือการลงทุนใน RMF หรือที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เหมาะมากสำหรับการออมเพื่ออนาคต  เพราะเป็นการลงทุนแบบสะสมในระยะยาว   เพื่อรับเงินก้อนเมื่ออายุครบ 55 ปี ถ้าแอบคิดว่า โห ยังอีกตั้งนาน ลองย้อนไปอ่านข้างบนใหม่ “ออมก่อนรวยกว่าค่ะ” 
 
 

ข้อดีแรกคือ RMF ให้สิทธิลดหย่อนภาษี เมื่อลงทุนตามเงื่อนไข* ลงทุนเท่าไหร่ นำไปกรอกลดหย่อนภาษีตอนยื่นเสียภาษีเงินได้ประจำปี เราก็จะเสียภาษีน้อยลง

ข้อดีที่ 2 RMF จะช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุน เพราะจะต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แม้จะไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นจำนวนเท่ากัน แต่ก็ช่วยให้เราเก็บเงินได้ทุกปีต่อเนื่องไปจนอายุ 55 แถมยังถอนออกมาใช้ก่อนยากด้วย เพราะจะเป็นการผิดเงื่อนไข ต้องคืนภาษีส่วนที่ได้สิทธิลดหย่อนไว้ แล้ว RMF จะไม่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างทางเลย ผลตอบแทนทุกบาททุกสตางค์จะสะสมรวมไว้ในกองทุน ตรงนี้จะทำให้เราอดออม อดทน และอดกลั้นไปรอใช้เงินก้อนนี้ตอนเกษียณได้เลย

มาถึงตรงนี้ถ้าเห็นว่า RMF เป็นทางออกที่ดี ก็เลือกเลยค่ะว่าจะลงทุน RMF กองทุนไหนดี มีให้เลือกสัก 200 กว่าๆ กองทุนเอง!! แต่ละกองทุนมีข้อแตกต่างกัน เสี่ยงมากน้อยไม่เท่ากัน มีทั้ง RMF ที่ไปลงทุนพันธบัตรรัฐบาล หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ไม่แปลกค่ะถ้าจะเริ่มงงและสงสัยว่าจะเลือกยังไง 
เอาเป็นว่าถ้าอยากลงทุนง่ายๆ สบายใจ มีโอกาสได้ผลตอบแทนดีๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงสูงกับสินทรัพย์เดียว ไม่ต้องจัดพอร์ตเงินลงทุนเอง ไม่ต้องตามติดเศรษฐกิจเพื่อปรับพอร์ตเมื่อเวลาผ่านไป และ...ไม่ต้องใช้เงินเยอะ ขอเสนอกองทุนกรุงศรี 3 ดี RMF 

3 ดี RMF เป็นกลุ่มกองทุน RMF ผสม แบบยืดหยุ่น  ประกอบไปด้วย 3 กองทุน ได้แก่ 

 
กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดี๊ดีเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFHAPPYRMF) เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากเสี่ยงสูง เน้นความมั่นคงมากกว่าผลตอบแทน มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ไม่น้อยกว่า 75% เพื่อสร้างความมั่นคงและรักษาความสม่ำเสมอของผลตอบแทน และ เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และ INFRAs ได้สูงสุด 25%

กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเว่อร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGOODRMF) เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น มีนโยบาย ลงทุนในตราสารหนี้ไม่น้อยกว่า 50%  และเติมผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และ INFRAs สูงสุด 50%

กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเริ่ดเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFSUPERRMF)  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้เงินลงทุนเติบโตตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และ INFRAs สูงสุดถึง 75% และลดความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ไม่น้อยกว่า 25%

ทุกกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 5 – เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง


ทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น และทรัพย์สินทางเลือกที่ผ่านการคัดสรรของผู้จัดการกองทุนมืออาชีพในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แตกต่างกัน  และมีความโดดเด่นในเรื่องการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างยืดหยุ่น โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะกับสถานการณ์ เช่น ในภาวะที่ตลาดผันผวนหรือมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส ผู้จัดการกองทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน หรือการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นช่วงที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มเติบโตดี ผู้ลงทุนจึงไม่พลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีตามการเติบโตของเศรษฐกิจ

3 ดี RMF เป็นตัวเลือกการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเตรียมเงินไว้ใช้ในอนาคต โดยเฉพาะยามเกษียณที่จะไม่มีรายได้จากการทำงาน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะ RMF ให้เงินนี้ทำงานเกิดดอกผลมารอไว้ให้ใช้แล้ว คำว่า”แก่แล้วจะสบาย” เป็นจริงได้ด้วยเงินน้อยๆ ที่ค่อยๆ ลงทุนตั้งแต่ตอนที่ยังไม่แก่ แล้ววันนั้นจะได้ใช้ชีวิตดี๊ดี ดีเว่อร์ หรือดีเริ่ดตามที่ใจคิดค่ะ


สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงื่อนไขการลงทุนใน RMF 
  • ลงทุนไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้ หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี และไม่เกิน15%    ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น  และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกบข. และเบี้ยประกันแบบบำนาญแล้วไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
  • ลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ห้ามหยุดลงทุนติดต่อกันเกิน 1 ปี โดยต้องถือหน่วยลงทุนจนถึงอายุ 55 ปี และลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • กรณีผิดเงื่อนไขการลงทุนในกองทุน RMF ผู้ลงทุนต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับมาในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีปฎิทิน (นับย้อนหลังตั้งแต่ปีก่อนปีที่ปฎิบัติผิดเงื่อนไข)  และต้องนำเงินผลประโยชน์ ( Capital Gain) ที่ได้จากการขายคืนไปรวมกับเงินได้  เพื่อชำระภาษีตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร

ขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือเว็บไซต์ www.krungsriasset.com  หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา

RMF ลงทุนเพื่อเกษียณอายุ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า  เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน   
 
ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน   
 
สามารถซื้อกองทุน 3 ดี RMF ด้วยบัตรเครดิตในเครือธนาคารกรุงศรีที่ร่วมรายการ  *ไม่เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายและคะแนนสะสมกับบัตรเครดิต
 
กองทุน KFGOODRMF ,  KFHAPPYRMF และ KFSUPERRMF สามารถลงทุนหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment grade) หรือ ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Bond)ในอัตราส่วนที่มากกว่ากองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วน หรือทั้งจำนวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการ
 
กองทุนจะใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเต็มจำนวน ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว