วางแผนการลงทุน
พลิกความเสี่ยงภัยไซเบอร์ สู่โอกาสในการลงทุน
พลิกความเสี่ยงภัยไซเบอร์ สู่โอกาสในการลงทุน
โดย Allianz Global Investors (ณ กรกฎาคม 2568)

ปัจจุบันมีอุปกรณ์กว่า 20,000 ล้านเครื่อง เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อคุณอ่านประโยคนี้จบ (ประมาณ 4 วินาที) มีการโจมตีทางไซเบอร์มากถึง 27,780 ครั้ง หรือคิดเป็น 7,000 ครั้งต่อวินาที ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี แม้จะดูน่ากังวล แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีข่าวดีอยู่
สถานการณ์นี้สะท้อนโอกาสในการลงทุน
- เมื่อ 20 ปีก่อน เรายังสามารถหลีกหนีจากโลกออนไลน์ได้ แต่ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันแทบทั้งหมดผูกพันกับดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำธุรกรรมทางการเงิน การเก็บข้อมูลบนคลาวด์ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ในบ้านจากระยะไกล การเชื่อมต่อเหล่านี้ทำให้ชีวิตเราง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็ทำให้ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เปราะบางต่อการโจมตีมากกว่าที่เคย รายงานของไมโครซอฟต์ระบุว่า มีการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 600 ล้านครั้งทั่วโลกต่อวัน1
- ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Allianz Risk Barometer 20252 จัดให้เหตุการณ์ทางไซเบอร์เป็นความเสี่ยงทางธุรกิจอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 3 ปีซ้อน เพราะสามารถสร้างความเสียหายได้เกินกว่าแค่ตัวเงิน แต่รวมไปถึงในแง่ชื่อเสียง กฎหมาย การหยุดชะงักของธุรกิจ ไปจนถึงความมั่นคงของชาติ
1: news.microsoft.com/en-cee/2024/11/29/microsoft-digital-defense-report-600-million-cyberattacks-per-day-around-the-globe/
2: commercial.allianz.com/content/dam/onemarketing/commercial/commercial/reports/Allianz-Risk-Barometer-2025.pdf
จากรางรถไฟถึงซูเปอร์มาร์เก็ต
ไม่มีอุตสาหกรรมใดปลอดภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค หรือผู้ให้บริการรถไฟ ตัวอย่างเช่น ในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทค้าปลีก M&S ของสหราชอาณาจักร ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายกว่า 300 ล้านปอนด์ เกือบหนึ่งในสามของรายได้ทั้งปี เพราะถูกโจมตีจนระบบเก็บสต็อกอัตโนมัติใช้งานไม่ได้ ต้องหันกลับไปใช้ “ปากกาและกระดาษ” แทน
เมื่ออาชญากรรมทางไซเบอร์พุ่งสูง ความต้องการด้านความปลอดภัยก็เติบโตตาม
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้ภาคธุรกิจความปลอดภัยดิจิทัลเติบโตอย่างไม่เคยมีมาก่อน ข้อมูลจาก McKinsey ระบุว่าในปี 2024 ทั่วโลกใช้เงินมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปกับผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อปกป้องเครือข่ายดิจิทัล3 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลายปี และยังไม่มีสัญญาณชะลอตัวในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ McKinsey คาดการณ์ว่าภาคธุรกิจนี้จะยังคงเติบโตได้อีกประมาณ 12% ต่อปี ในช่วงหลายปีข้างหน้า
พัฒนาการหลายอย่างตอกย้ำแนวโน้มนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก
- การเข้าสู่ยุคดิจิทัลและการเชื่อมต่อ: ชีวิตประจำวันของผู้คนเชื่อมโยงกับโลกออนไลน์มากขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน เทคโนโลยีช่วยขับขี่ในรถยนต์ บริการคลาวด์ ไปจนถึงเครือข่ายมือถือที่ทำให้ทุกสิ่งและทุกคนติดต่อถึงกัน ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 20,000 ล้านเครื่อง และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด4 ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเปรียบเสมือน “ประตู” ที่เปิดโอกาสให้เหล่าอาชญากรไซเบอร์เข้ามาโจมตีได้ ตั้งแต่เครื่องพิมพ์ธรรมดาไปจนถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ซับซ้อน
- ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งระหว่างประเทศกำลังเคลื่อนเข้าสู่โลกไซเบอร์อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น ในปีที่ผ่านมา เว็บไซต์ของกระทรวงเศรษฐกิจและศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งเบลเยียมถูกโจมตีจนไม่สามารถใช้งานได้ โดยเชื่อว่ามีแฮ็กเกอร์ชาวรัสเซียอยู่เบื้องหลัง การโจมตีลักษณะนี้ไม่เพียงทำให้เว็บไซต์ล่ม แต่ยังมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญและทรัพย์สินทางปัญญา การโจมตีและจารกรรมข้อมูลก่อให้เกิดความเสียหายที่มีมูลค่าสูงและทำให้ไซเบอร์ซีเคียวริตี้กลายเป็นวาระยุทธศาสตร์ของหลายประเทศและองค์กรธุรกิจ
- การมาถึงของเทคโนโลยีใหม่ๆ: การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติได้เปลี่ยนโฉมหน้าสงครามไซเบอร์ อาชญากรใช้ AI สร้างการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การหลอกลวงด้วยเสียงหรือภาพปลอม (deep-fake phishing) และการเรียกค่าไถ่อัตโนมัติ ขณะเดียวกัน บริษัทด้านความปลอดภัยก็ใช้ AI เพื่อตรวจจับและรับมือภัยคุกคามซ้ำ ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่บุคลากรได้รับการฝึกอบรมเชิงลึก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและมีมูลค่าความเสียหายสูงขึ้น
- กฎระเบียบและการบังคับใช้: รัฐบาลทั่วโลกออกกฎหมายและมาตรการเข้มงวดมากขึ้น ทั้งในด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และการกำหนดให้องค์กรต้องรายงานช่องโหว่หรือเหตุการณ์ผิดปกติ รวมถึงบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างจริงจัง ส่งผลให้สถาบันการเงิน บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงบริการสาธารณูปโภค ต้องลงทุนมหาศาลเพื่อเสริมความมั่นคงด้านดิจิทัล
ที่มา: 3: https://www.mckinsey.com/capabilities/risk-and-resilience/our-insights/the-cybersecurity-providers-next-opportunity-making-ai-safer | 4: iot-analytics.com/number-connected-iot-devices/
แนวป้องกัน 5 ชั้น
- การรักษาความปลอดภัยรอบนอก (Perimeter security): ไฟร์วอลล์ การตรวจจับภัยคุกคาม และการควบคุมการเข้าถึง
- การรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย (Network security): ปกป้องข้อมูลที่รับส่งภายในเครือข่าย
- การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint security): ปกป้องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรือเซ็นเซอร์
- การรักษาความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน (Application security): ปกป้องแอปพลิเคชันและโค้ดที่ใช้สร้างแอป
- การรักษาความปลอดภัยข้อมูล (Data security): การเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึง และการตรวจจับการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
KFCYBER-A …โอกาสลงทุนไปกับการเติบโตของ Cyber Security
- กองทุนลงทุนในกองทุนหลัก Allianz Global Investors Fund - Allianz Cyber Security ที่บริหารจัดการโดยบริษัท Allianz Global Investors GmbH โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุน กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกของบริษัทที่ประกอบธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
- ระดับความเสี่ยง: 6 - เสี่ยงสูง | ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท
- กองทุน Allianz Cyber Security ปรับตัวให้เข้ากับพัฒนาการนี้ โดยมีพอร์ตการลงทุนโกลบอลที่ประกอบด้วยบริษัท 30 - 60 แห่งที่คัดมาอย่างดี ครอบคลุมธุรกิจด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในทุกมิติกองทุนนี้เน้นลงทุนในบริษัทที่เราเรียกกันว่า ‘pure plays’ หรือบริษัทที่ทำธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์เป็นธุรกิจหลัก ไม่ใช่ธุรกิจรอง การคัดเลือกเริ่มจากรายชื่อบริษัทจดทะเบียนกว่า 200 แห่ง ก่อนจะกรองเฉพาะผู้เล่นหลักที่มีบทบาทสำคัญในตลาดและผ่านการตรวจสอบอย่างรอบด้าน (ที่มา: Allianz Global Investors ณ ก.ค. 2568)
- กลยุทธ์การลงทุน: พอร์ตผสมผสานระหว่างหุ้นเติบโตที่มีศักยภาพสูง และหุ้นบริษัทที่มั่นคงแล้ว โดยให้ความสำคัญกับ บริษัทขนาดกลางที่มีความได้เปรียบเชิงเทคโนโลยีโดดเด่น กองทุนบริหารจัดการโดย Voya IM ซึ่งตั้งอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ใกล้ซิลิคอนแวลลีย์ ทีมผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์กว่า 20 ปี และเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการลงทุนในหุ้นกลุ่มความปลอดภัยไซเบอร์ ทำให้ทีมนี้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีประวัติยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมนี้
Agentic AI (ปัญญาประดิษฐ์ที่ตัดสินใจได้เอง)
- "พัฒนาการหนึ่งที่เราติดตามอย่างใกล้ชิดคือการเกิดขึ้นของ Agentic AI ปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ที่สามารถตัดสินใจได้เองและทำงานกระบวนการซับซ้อนได้" เอริก สวอร์ดส์ ผู้จัดการกองทุนกล่าว "เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล แต่ก็ทำให้การรักษาความปลอดภัยซับซ้อนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
- Agentic AI สามารถประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ เชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ได้เอง และทำงานโดยอาศัยการสั่งการจากมนุษย์น้อยมาก ความก้าวหน้านี้ทำให้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์มีความสำคัญยิ่งกว่าเดิม เพราะช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็อาจเปิดโอกาสให้ถูกโจมตีได้ ทีมผู้จัดการกองทุนเชื่อว่า ความต้องการด้าน การยืนยันตัวตนและมาตรการป้องกันที่เข้มแข็ง จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับสินทรัพย์ที่กองทุนเลือกลงทุน
- แม้ปัจจัยหลักทั้งการเข้าสู่ยุคดิจิทัล ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และกฎระเบียบที่เข้มงวด ล้วนสะท้อนความต้องการโครงสร้างของความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวในเส้นตรงที่พุ่งขึ้นเสมอไป การลงทุนในกลุ่มนี้จึงมีความเสี่ยงขาดทุน และอาจทำให้นักลงทุน พลาดโอกาสในอุตสาหกรรมอื่น หากกระจุกตัวเฉพาะในไซเบอร์ซีเคียวริตี้เพียงอย่างเดียว
ที่มา/คำเตือน
- ข้อมูล/เอกสารนี้จัดทำขึ้นโดย Allianz Global Investors ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งหมด และจะไม่รับผิดชอบหรือมีความรับผิดใดๆ ต่อการนำข้อมูลไปใช้หรือการอ้างอิงใดๆ
- เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่ บลจ.กรุงศรี มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดย บลจ. ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ประเทศสิงคโปร์
- ข้อมูลที่ปรากฏในการนำเสนอครั้งนี้นำมาจากแหล่งที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ณ วันที่ผลิตข้อมูล เราสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ข้อมูลชุดนี้ไม่มีการเสนอขายหรือซื้อหลักทรัพย์ รวมทั้งไม่มีการให้คำแนะนำการลงทุนในการตัดสินใจลงทุน
- นักลงทุนไม่ควรใช้เอกสารฉบับนี้ในการอ้างอิงเพียงอย่างเดียว แต่ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ดี หากนักลงทุนไม่ประสงค์ที่จะรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุนควรพิจารณาความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองก่อนทำธุรกรรม
- ผลงานในอดีตของผู้จัดการกองทุนและกองทุนไม่ใช้ตัวชี้วัดผลงานในอนาคต ราคาต่อหน่วยของกองทุนและรายได้จากกองทุนอาจจะขึ้นหรือลงโดยไม่สามารถรับประกันได้ การจ่ายเงินออกจากกองทุน หากมีการจ่าย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจ่ายออกจากรายรับ และ/หรือกำไรจากการขายต่อสุทธิหรือจากต้นทุนของกองทุน ทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลง ไม่สามารถรับประกันการจ่ายเงินปันผลและการจ่ายเงินออกได้ รวมทั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาดหรือตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน การลงทุนมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้นที่ลงทุนและความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในตลาดเกิดใหม่หรือตลาดที่กำลังพัฒนา
- กองทุนอาจลงทุนในตราสารอนุพันธ์และ/หรือผลิตภัณฑ์โครงสร้างซึ่งมีความเสี่ยงหลายประการ (รวมทั้ง ความเสี่ยงจากการบิดพลิ้วของคู่สัญญา สภาพคล่อง สินเชื่อ และความเสี่ยงของตลาด เป็นต้น)
- ผลการดำเนินงานในอดีต การคาดเดา การคาดคะเนหรือการทำนายไม่ใช่ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานในอนาคต นักลงทุนควรอ่านหนังสือชี้ชวนการลงทุนของ Allianz Global Investors Singapore Limited หรือหนังสือชี้ชวนของผู้แทนจำหน่ายเพื่อเรียนรู้รายละเอียดเพิ่มเติมรวมทั้งปัจจัยความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุน
- เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจาก Monetary Authority of Singapore (MAS) การอนุมัติหรือการยอมรับจาก MAS ไม่ใช่การแนะนำหรือการรับรองอย่างเป็นทางการ ผู้ผลิตเอกสารฉบับนี้คือ บริษัท Allianz Global Investors Singapore Limited (ทะเบียนบริษัทเลขที่ 199907169Z)
- เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเพียงเท่านั้น ตามคำเชิญชวนที่ไม่ผูกมัดว่าบริษัทแนะนำการลงทุนของประเทศไทยซึ่งเป็นผู้จัดงานประชุมในครั้งนี้จะเป็นผู้เผยแพร่
- ข้อมูลชุดนี้ไม่มีการเสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์ รวมทั้งชักชวนให้เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์และไม่มีการให้คำแนะนำหรือบริการที่เกี่ยวกับการลงทุน ข้อมูลที่อยู่ในเอกสารฉบับนี้มีเป้าประสงค์เพื่อให้ภาพรวมสำหรับการพูดคุยสื่อสารและ/หรือเพื่อใช้เป็นข้อมูลเท่านั้น
- กองทุนใดก็ตามที่จัดการโดย Allianz Global Investors SG (AllianzGI SG) หรือบริษัทในเครือ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อมไม่ได้ลงทะเบียนและไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายในประเทศไทย รวมทั้งไม่มีการยื่นข้อเสนอขายกองทุนดังกล่าวและไม่มีการเชิญชวนให้ซื้อกองทุนดังกล่าว ทั้ง AllianzGI SG และบริษัทในเครือไม่ได้รับใบอนุญาตให้ทำธุรกิจหลักทรัพย์ในประเภทของการให้บริการแนะนำการลงทุนหรือบริการด้านอื่นๆ ในประเทศไทย เนื่องจากกฎหมายไทยมีข้อกำหนดไม่อนุญาตให้ที่ปรึกษาต่างชาติสามารถให้บริการแนะนำการลงทุนสำหรับนักลงทุนไทยโดยไม่มีใบอนุญาตในประเภทไทยได้ บริษัทฯ จะไม่มีการให้คำแนะนำหรือบริการไม่ว่าจะทั้งโดยตรงหรือโดยนัยแก่ผู้ใดเว้นแต่จะเป็นนักลงทุนในสถาบันที่มีคุณสมบัติสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศภายใต้กฎหมายไทยได้
- ข้อมูลที่อยู่ในเอกสารฉบับนี้แจกจ่ายแก่ผู้รับที่บริษัทฯ อนุญาตให้ดูเท่านั้น ไม่ควรนำบางส่วนหรือทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก AllianzGI SG
- เอกสารฉบับนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเนื้อหาที่ปรากฏในเอกสาร จะไม่มีการนำเสนอต่อบุคคลสาธารณะให้ซื้อหุ้นในประเทศไทย เอกสารฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้รับเอกสารอ่านเท่านั้นและต้องไม่ส่งต่อ พิมพ์ หรือแสดงให้บุคคลสาธารณะดู
ข้อมูลกองทุน KFCYBER-A คลิก