ตอนที่ 5 : เลือกกองทุนให้ดี ต้องมองผ่านเลนส์




เลือกกองทุนให้ดี ต้องมองผ่านเลนส์

การเลือกกองทุนที่ดีก็เหมือนกับการมองผ่านเลนส์ที่ช่วยให้เราเห็นภาพและมุมมองที่ชัดเจนขึ้น การตัดสินใจเลือกกองทุนต้องไม่มองแค่ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้การเลือกกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยผลตอบแทนที่กล่าวถึงในที่นี้จะหมายถึงผลตอบแทนที่คำนึงถึงความเสี่ยงแล้วนั่นเอง
แน่นอนว่า สิ่งที่นักลงทุนต้องการจากการลงทุนคือ “ผลตอบแทน” หรือ “ผลกำไร” จากการลงทุน และนั่นมักจะเป็นสิ่งแรกหรือเป้าหมายแรกที่นักลงทุนส่วนใหญ่นึกถึง และก็ไม่มีใครชอบ “ความเสี่ยง” แต่ก็เป็นไปได้ยากในโลกของการลงทุนที่การลงทุนให้ “ผลตอบแทน” ที่สูงและ “ความเสี่ยง” ต่ำ ๆ โดยทั่วไปแล้ว ผลตอบแทนที่สูงจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูง อย่างไรก็ตาม เราสามารถบริหารจัดการเพื่อให้ผลตอบแทนเท่าเดิม แต่ลดความเสี่ยงลง หรือที่ระดับความเสี่ยงเท่าเดิม แต่เพิ่มผลตอบแทนได้ ด้วยการจัดสรรเงินลงทุนกระจายไปในหลักทรัพย์ต่างๆ อย่างเหมาะสม

ผลตอบแทนของกองทุนรวม
  • ปัจจุบันการดูผลตอบแทนของกองทุนรวมสามารถหาได้จาก Fund Fact Sheet, Mobile Application  เว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) เว็บไซต์ของตัวแทนขายกองทุน และมอร์นิ่งสตาร์ (www.morningstarthailand.com) โดยผลตอบแทนจะถูกเปรียบเทียบกับดัชนีมาตรฐาน (Benchmark) ที่แต่ละกองทุนเลือกใช้ เช่น กองทุนหุ้นไทยมักเลือก SET เป็นดัชนีมาตรฐาน เป็นต้น รวมถึงการพิจารณาเปรียบเทียบกับความผันผวนของกองทุน และความผันผวนดัชนีชี้วัดด้วย
  • การใช้ Benchmark จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจเลือกกองทุนโดยประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน จากการดูผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 3 เดือน, 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี หรือตั้งแต่จัดตั้งกองทุน และสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนที่ใช้ Benchmark เดียวกันได้
การเลือกกองทุนที่ดี
  • การเลือกกองทุนที่ดีต้องเริ่มจากการเข้าใจแนวทางการลงทุนของผู้จัดการกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่จะเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต 3-5 ปี ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 3-5 ปี ว่ากองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ แม้ผลการดำเนินงานในอดีตจะไม่ได้ยืนยันหรือการันตีผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับในอนาคตก็ตาม แต่การดูแนวโน้มของผลตอบแทนก็อยู่บนสมมติฐานที่ว่า ผลตอบแทนในอดีตเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถบอกถึงความสามารถของผู้จัดการกองทุน และอาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มของผลตอบแทนในอนาคตได้ในระดับหนึ่ง เป็นการมองแนวโน้มของผลตอบแทนในภาพรวมนั่นเอง
มองให้ลึกถึง Risk Adjusted Return
  • การเปรียบเทียบผลการดำเนินงานหรือผลตอบแทนของกองทุนรวมเป็นเรื่องสำคัญ แต่การพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนก็สำคัญไม่แพ้กัน การใช้อัตราผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (Risk Adjusted Return) ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ยอมรับได้อย่างชัดเจน ทำให้เราตัดสินใจเลือกกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องคำนึงถึงความเสี่ยง?
ความเสี่ยง หรือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation หรือ SD) เป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงระดับความผันผวนของผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งค่าความผันผวนนี้สะท้อนให้เห็นว่าผลตอบแทนจริงอาจแตกต่างจากผลตอบแทนที่คาดหวังมากน้อยแค่ไหน
  • หากค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สูง หมายถึง ความเสี่ยงสูง
  • หากค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ต่ำ หมายถึง ความเสี่ยงต่ำ

ตัวชี้วัดสำคัญในการเลือกกองทุนหุ้น
1. ชาร์ป เรโช (Sharpe Ratio)
Sharpe Ratio ใช้ในการวัดผลตอบแทนส่วนเพิ่มของกองทุนรวมที่ปรับตามความเสี่ยง โดยคำนวณจากผลต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของกองทุนกับอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง (Risk-free rate) และปรับด้วยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ของกองทุน
  • วิธีคิด: ค่า Sharpe Ratio ที่สูงหมายถึงกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่รับ
  • ตัวอย่าง: หากกองทุน A มี Sharpe Ratio = 1.12 และกองทุน B มี Sharpe Ratio = 0.95 โดยมีความเสี่ยงเท่ากัน แสดงว่า กองทุน A ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุน B เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงที่รับ
2. อัลฟ่า (Alpha)
Alpha วัดผลตอบแทนส่วนเกินของกองทุนรวมเมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัด (Benchmark)
  • วิธีคิด: ค่า Alpha ที่สูงหมายถึงกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าดัชนีชี้วัด ซึ่งแสดงถึงความสามารถของผู้จัดการกองทุนในการเลือกสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
  • ตัวอย่าง: หากกองทุนมีค่า Alpha ที่สูง แสดงว่ากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดแม้จะเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน
3. เบต้า (Beta)
Beta ใช้ในการวัดระดับและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และสะท้อนถึงความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุนนั้นเมื่อเทียบกับตลาด
  • วิธีคิด:
    • หาก Beta น้อยกว่า 1 แสดงว่าหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนน้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนของตลาด
    • หาก Beta มากกว่า 1 แสดงว่าหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนของตลาด
  • ตัวอย่าง: หากกองทุนมี Beta เท่ากับ 1.5 แสดงว่ากองทุนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนมากกว่าตลาดประมาณ 50% ซึ่งเป็นไปได้ทั้งเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกหรือลบ 

Morningstar Rating และ Quartile Ranking ...ตัวช่วยในการเลือกกองทุน
  • การพิจารณาผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยง อาจดูซับซ้อนสำหรับนักลงทุนมือใหม่  ซึ่งการเลือกใช้ Morningstar Rating และการจัดอันดับ Quartile ของกองทุน จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • Morningstar Rating หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Star Rating” เป็นการจัดอันดับกองทุนตามผลการดำเนินงานที่ปรับตามความเสี่ยง (Risk-Adjusted Return) ในช่วงระยะเวลา 3, 5 และ 10 ปี ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดเลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดี  โดย Morningstar Rating แบ่งเป็น 5 ระดับ เริ่มจาก 5 ดาว (ดีที่สุด) ถึง 1 ดาว (แย่ที่สุด)  โดยกองทุนที่ได้รับ 5 ดาว หมายถึงกองทุนที่มีผลตอบแทนที่สูงเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยง แต่ไม่ได้หมายความว่ากองทุนเหล่านั้นมีความผันผวนต่ำเสมอไป
  • นอกจากนี้ Quartile Ranking ก็เป็นการจัดอันดับของกองทุน โดยใช้ผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เพื่อเปรียบเทียบการดำเนินงานของกองทุนในกลุ่มเดียวกัน และมีการจัดอันดับกองทุนเป็น 4 กลุ่ม 
    • Quartile 1: กองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด 25% แรกของกลุ่ม ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน
    • Quartile 2: กองทุนที่มีผลการดำเนินงานอยู่ในช่วง 25 - 50% ของกลุ่ม
    • Quartile 3: กองทุนที่มีผลการดำเนินงานอยู่ในช่วง 50 - 75% ของกลุ่ม
    • Quartile 4: กองทุนที่มีผลการดำเนินงานอยู่ใน 25% ล่างสุดของกลุ่ม
สรุป 
  • การเลือกกองทุนที่ดีนั้นควรคำนึงถึงหลายปัจจัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง (Risk Adjusted Return) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนจากกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงแตกต่างกันได้อย่างถูกต้อง
  • สิ่งสำคัญในการเลือกกองทุนก็คือการมีความเข้าใจในผลตอบแทนที่คาดหวังและความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ การศึกษาผลตอบแทนย้อนหลัง 3-5 ปี การใช้เครื่องมือวัดผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง ล้วนแล้วแต่ช่วยในการตัดสินใจเลือกกองทุนที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนแต่ละคน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ตอนต่อไปมาต่อกันด้วยเรื่อง "ทริคเก็บเงินล้าน ลงทุนอย่างมีเป้าหมาย"

ตอนที่ 4 : กองทุนรวม...ประตูสู่โลกการลงทุน

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว