Flash Update


มุมมองการลงทุนปี 2569
02 ธันวาคม 2568
มุมมองการลงทุนปี 2569



คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
  • เศรษฐกิจโลกปี 2569 คาดจะขยายตัวปานกลาง GDP โลกจะอยู่ที่ราว 3.0 – 3.2% ได้แรงหนุนจากการบริโภคของภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน (capex) และการฟื้นตัวของภาคธุรกิจทั่วโลก
  • คาดการณ์การเติบโตของ GDP: สหรัฐฯ 2.1% / ยูโรโซน 1% / ญี่ปุ่น 0.6% / จีน 4.2%-4.6% / อินเดีย 6.2% และเวียดนาม 6.1%
  • อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอนเชิงโครงสร้าง เช่น ความตึงเครียดทางการค้า การเปลี่ยนแปลงใน Supply Chain และความผันผวนด้านนโยบายการเงินหรือการคลังในหลายประเทศ
  • Fed มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 ประมาณ 2 ครั้ง รวม 0.50% จากเงินเฟ้อที่ค่อยๆ อ่อนตัว ความต้องการผ่อนคลายเงินกู้เพื่อสนับสนุนการลงทุนและการบริโภคและแรงกดดันจากภาคธุรกิจที่ต้องการต้นทุนเงินกู้ต่ำ
  • ทั้งนี้ตลาดมองว่าอาจปรับลดได้ 2 – 3 ครั้ง (0.50% – 0.75%) หากเศรษฐกิจชะลอและเงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าคาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากที่สุด ได้แรงหนุนจากการลงทุนด้าน AI งบลงทุนภาคธุรกิจ กำไรบริษัทที่ยังแข็งแกร่ง รวมถึงแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed แบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม: Valuation อยู่ในระดับสูง ความผันผวนเชิงนโยบาย การกำกับดูแลบริษัทเทคโนโลยี และมีความเสี่ยง AI Bubble อยู่บ้าง
ตลาดหุ้นยุโรป
  • มีมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวัง โดยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับใกล้เคียงหรือรองจากสหรัฐฯ จาก Valuation ที่ถูกกว่าการลงทุนภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐาน และความเป็นไปได้ ที่กำไรบริษัทจะทยอยปรับตัวดีขึ้น
  • ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม: ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาวยังไม่สูง ความไม่แน่นอนด้านการเมืองในสหภาพยุโรป และการพึ่งพาเทคโนโลยีน้อยกว่าสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
  • ยังมีมุมมองเชิงบวก จากการปฏิรูปธรรมาภิบาลบริษัท แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ การซื้อหุ้นคืนของบริษัทขนาดใหญ่ และเงินเยนที่ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบประเทศคู่ค้า แต่ต้องรอจังหวะเนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นไปมากแล้ว
  • ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม: หากนโยบายเศรษฐกิจดำเนินผลไม่สำเร็จ หรือค่าเงินเยนแข็งขึ้นเร็วกว่าคาด อาจกดดันกำไรบริษัทส่งออก
ตลาดหุ้นจีน
  • เริ่มกลับมามีทิศทางเชิงบวกมากขึ้นในปี 2569 หลังผ่านช่วงปรับฐานยาวนาน นักวิเคราะห์หลายที่ให้มุมมองฟื้นตัวชัดขึ้น จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก การฟื้นตัวของ ภาคอสังหาฯ และการผลักดันเทคโนโลยีภายในประเทศ รวมถึง Valuation ที่ถูกเมื่อเทียบอดีต
  • ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม: ความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย และความเสี่ยงการฟื้นตัวของอสังหาฯ ที่อาจยืดเยื้อ
ตลาดหุ้นอินเดีย
  • นักวิเคราะห์ส่วนมาก Overweight จากแนวโน้มกำไรบริษัทเติบโตต่อเนื่อง งบลงทุนรัฐและโครงสร้างพื้นฐาน การบริโภคภายในประเทศ และกระแสเงินทุนภายในที่แข็งแรง
  • ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม: Valuation สูงกว่าตลาดเกิดใหม่อื่น ราคาน้ำมัน และความต่อเนื่องของการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นเวียดนาม
  • มีมุมมองเชิงบวกจากพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแรง อยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยถูกยกระดับเป็นตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นบวกต่อเงินทุนระยะยาว
  • นักเศรษฐศาสตร์ในประเทศมองว่าปี 2568 อาจเป็นช่วงเวลาแห่งการรีเซ็ตของตลาดหลังเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างหนัก และการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 2568 ซึ่งได้แรงหนุนหลักจากเม็ดเงินซื้อของนักลงทุนในประเทศ
  • ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม: แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ โครงสร้างสภาพคล่องตลาดทุนและความผันผวนต่อภาวะ Risk-off ทั่วโลก
ที่มา: Goldman Sachs, Morgan Stanley, Schroders, UBS, Reuters, VnEconomy, Deutsche Bank, Vanguard | อัปเดต ณ 2 ธ.ค. 2568
หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอดูหนังสือชี้ชวน โปรดติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรีจำกัด โทร 0 2657 5757 หรืออีเมล krungsriasset.clientservice@krungsri.com
เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน