ลดหย่อนภาษีควรรู้อะไรบ้าง [อัปเดตล่าสุด]


จำเป็นแค่ไหนที่ต้องรู้เรื่องการลดหย่อนภาษี? แล้วทำไมต้องอัปเดตกันทุกปี? 


สำหรับผู้มีเงินได้ทั้งหลายการเสียภาษีเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้จักกันดี แต่บ่อยครั้งที่ผู้เสียภาษีมองข้ามเรื่องการลดหย่อนภาษี เพราะเข้าใจว่า “การลดหย่อนภาษีก็เหมือนๆ กันทุกปีไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง”   
 
แท้จริงคือ “การลดหย่อนภาษีอาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายและภาวะเศรษฐกิจของประเทศ” การมองข้ามเรื่องนี้ทำให้หลายคนเสียสิทธิอันพึงมีของตัวเองไป 

จริงๆ แล้ว “ภาษี” คือค่าใช้จ่ายที่สามารถประหยัดและลดน้อยลงได้หากมีการวางแผนภาษีที่ดี โดยการใช้สิทธิลดหย่อนที่ได้รับให้เต็มที่ เพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีให้น้อยลงหรือทำให้ได้เงินคืนภาษีเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ผู้เสียภาษีสามารถนำมาลดหย่อนได้ล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ว่าจะการลดหย่อนจากการทำประกัน การสมทบกองทุน การบริจาค หรือการอุปการะคนในครอบครัว เป็นต้น นั่นเป็นเหตุให้เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจและอัปเดตเรื่องภาษีอยู่เสมอ 

ความเข้าใจเบื้องต้นในการลดหย่อนภาษี

การคำนวณภาษีเบื้องต้นคือก้าวแรกในการลดหย่อนภาษี เพื่อที่จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว “ตัวเลขลดหย่อน” ที่ภาครัฐกำหนดมาจะไปอยู่ตรงไหนของสมการภาษีของเรา
การคิดภาษีบุคคลธรรมดาสำหรับประเทศไทยจะอ้างอิงจากสมการดังนี้
  • รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ 
  • เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินที่ต้องจ่าย

จากสมการจะเห็นได้ว่าส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้ภาษีโดยรวมน้อยลงได้คือส่วนของค่าลดหย่อน ซึ่งถ้าเราเพิ่มค่าลดหย่อน ก็จะเป็นผลสืบเนื่องให้เงินสุทธิลดลง และเงินที่เราต้องจ่ายตามอัตราภาษีลดลงเช่นกัน
ซึ่งปี 2562 นั้นจะมีการลดหย่อนดังนี้
 


สำหรับการบริจาคเพื่อสถานศึกษา สถานพยาบาล สถานการกีฬา และสถานสงเคราะห์ที่เข้าข่าย สามารถตรวจสอบได้จากลิงก์ด้านล่าง
 
ซึ่งนอกเหนือจากการลดหย่อนภาษีจากนโยบายของภาครัฐแล้วนั้น ยังมีการลงทุนในระยะยาวเพื่อลดหย่อนภาษีอีกด้วย นั่นคือการลงทุนที่หลายคนรู้จักดีในชื่อของ LTF และ RMF นั่นเอง
 
ลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน
หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อกองทุน LTF กับกองทุน RMF กันมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้จักรายละเอียดของกองทุนดังกล่าวมากนัก จึงขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้
 
LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว)
LTF (Long Term Equity Fund) คือ กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น (ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV) จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาว และเพิ่มสภาพคล่องของตลาดหุ้น โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนแตกต่างกันออกไปตามนโยบายของกองทุนนั้นๆ สามารถตรวจสอบได้จากหนังสือชี้ชวนกองทุน
กองทุน LTF สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี (และไม่เกิน 500,000 บาท) และต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน
หากสนใจคุณสามารถศึกษาวิธีซื้อกองทุน LTF อย่างมีคุณภาพได้ที่นี่

RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ)
RMF (Retirement Mutual Fund) คือกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนระยะยาว และมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับคนที่อยากมีเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณ
 
โดยคุณสามารถสับเปลี่ยนกองทุน RMF ได้ตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ภาวะตลาด อายุ หรือระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ เป็นต้น กองทุน RMF ต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี สามารถขายคืนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี
 
สำหรับการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุนนี้จะมีอีกประเด็นที่ต้องเอ่ยถึง คือกองทุน LTF นั้นจะหมดอายุในปี 2562 ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย ว่ายังลดหย่อนภาษีได้มั้ย ซื้อดีมั้ย ขายต่ออย่างไร ลองมาทำความเข้าใจจากข้อมูลด้านล่างกัน

[ตอบคำถาม] ทำความเข้าใจปีสุดท้ายของ LTF 
ถาม : ปี 2562 นี้ยังสามารถซื้อ LTF ได้อยู่มั้ย ?
ตอบ : ยังสามารถซื้อได้และลดหย่อนภาษีได้ตามปกติ ด้วยเงื่อนไขเดิมคือซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ และไม่เกิน 500,000 บาท
 
ถาม : การยกเลิกกองทุน LTF จะเกิดแรงเทขายจนตลาดหุ้นตกหนักหรือไม่  
ตอบ : ปัจจุบันเงินลงทุนในกองทุน LTF นั้นมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 4-5  ของขนาดตลาดหุ้นไทย (Market Cap) ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มีนัยสำคัญหากมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนพร้อมกันทั้งหมด และในความเป็นจริงเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย เพราะเงิน LTF ที่อยู่ในระบบไม่ได้ครบกำหนดพร้อมกันทีเดียวทั้งหมด ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนได้ทั้งหมดในปีเดียวเพราะติดเงื่อนไขการถือครอง 7 ปีปฎิทิน  
หากมีการขายคืนกองทุน LTF จะอยู่ในรูปแบบของการค่อยๆ ทยอยขายออกมาเรื่อยๆ ในอีก 5-7 ปีข้างหน้า ดังนั้นตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีเสถียรภาพและไม่ได้รับผลกระทบถึงขนาดที่จะทำให้ตลาดหุ้นตกหนักจากการเทขายกองทุน LTF  
 
ถาม :    สรุปแล้วเราควรทำยังไงหลังจากที่ไม่ต่ออายุกองทุน LTF แล้ว ?
ตอบ : ไม่ควรขายคืนหากยังลงทุนไม่ครบระยะเวลาถือครอง ในกรณีที่ครบกำหนดแล้วจะถือต่อหรือขายคืน อาจพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการลงทุนและความจำเป็นในการใช้เงิน ทั้งนี้ จากสถิติที่ผ่านมาพบว่ามีนักลงทุนจำนวนมากที่ถือครองกองทุน LTF จนครบเงื่อนไขแต่ก็ไม่ได้ขายคืน เนื่องจากยังไม่เห็นการลงทุนในรูปแบบอื่นที่ดีกว่า
รวมทั้งกองทุนยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี หรือจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอก็สามารถถือครองต่อโดยไม่จำเป็นต้องขายคืน เพื่อให้เกิดพลังของดอกเบี้ยทบต้นช่วยให้เงินลงทุนมีโอกาสเติบโตเร็วขึ้น  
 
ในเมื่อเราทราบสมการ แนวทางการลงทุน ไปจนถึงการลดหย่อนภาษีแล้ว มาลองคิดภาษีง่ายๆ ด้วยการคิดมือเองกันดีกว่า

คิดมือได้ง่ายๆ กับการคำนวณภาษีเบื้องต้น
สำหรับผู้ที่สงสัยและต้องการคำนวณภาษีเบื้องต้น สามารถคำนวณหาเงินได้สุทธิของตัวเองก่อนตามสมการ
รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ 
และคำนวณโดยอ้างอิงอัตราภาษีจากตารางด้านล่าง 
 


ซึ่งการลดหย่อนนี้สามารถคิดเปรียบเทียบโดยใช้ข้อมูลของตนเองได้เลยว่าลงทุนเท่าไหร่ ลดหย่อนแค่ไหน จะใช้สิทธิอะไรบ้าง หรือ คุณสามารถคิดค่าลดหย่อนได้ง่ายๆ โดยใช้เครื่องคำนวณการลดหย่อนภาษี ที่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว

สรุป 
คุณสามารถลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการวางแผนภาษี รู้ว่าอะไรลดหย่อนได้ หรือไม่ได้ รวมถึงศึกษาการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ที่นอกจากจะทำให้คุณสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยเพื่อการออมและการลงทุนได้อีกด้วย
หากสนใจที่จะลงทุนในกองทุน บลจ.กรุงศรี พร้อมให้คำแนะนำในการวางแผนภาษีและข้อมูลการลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจ 
 
สอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่
บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757
หรือ  ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขาทั่วประเทศ 

 
ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน   
LTF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้น และ RMF ลงทุนเพื่อเกษียณอายุ | ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
 

แหล่งอ้างอิง 
ค่าลดหย่อนเกี่ยวกับบุคคล 
ประมวลรัษฎากร มาตรา 47(1)
กฎกระทรวงฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509
กฎกระทรวงฉบับที่ 334 พ.ศ. 2560
 
ค่าลดหย่อนด้านการลงทุน 
กฎกระทรวงฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 257 พ.ศ. 2558
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 259 พ.ศ. 2558
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 261 พ.ศ. 2558
พ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 
 
ค่าลดหย่อนกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
ประมวลรัษฎากร มาตรา 47(1)
กฎกระทรวงฉบับที่ 337 พ.ศ. 2561
กฎกระทรวงฉบับที่ 341 พ.ศ. 2562
กฎกระทรวงฉบับที่ 344 พ.ศ. 2562
กฎกระทรวงฉบับที่ 345 พ.ศ. 2562
กฎกระทรวงฉบับที่ 346 พ.ศ. 2562
กฎกระทรวงฉบับที่ 347 พ.ศ. 2562
กฎกระทรวงฉบับที่ 348 พ.ศ. 2562
พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 640 พ.ศ. 2560
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 166 พ.ศ. 2551
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 333 พ.ศ. 2562
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 347 พ.ศ. 2562
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 349 พ.ศ. 2562
ประกาศกรมสรรพากร ปชส. 57/2562
 
ค่าลดหย่อนจากการบริจาค
ประมวลรัษฎากร มาตรา 47(7)
พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 651 พ.ศ. 2562
พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 663 พ.ศ. 2562
พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 681 พ.ศ. 2562
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 324 พ.ศ. 2561
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 336 พ.ศ. 2562
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
 

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว