สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
23/01/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 38,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทผลิตชิปที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดียที่ดีดตัวขึ้น 0.3% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากบริษัท LPL Financial กล่าวว่า นักลงทุนรอดูผลประกอบการและการคาดการณ์แนวโน้มรายได้ของบริษัทเทคโนโลยี เพื่อประเมินว่าบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดได้ต่อไปหรือไม่
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐจะขยายตัว 2.0% หลังจากมีการขยายตัว 2.2%, 2.1% และ 4.9% ในไตรมาส 1 2 และ 3 ตามลำดับ และคาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือน ธ.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือน ธ.ค. เมื่อเทียบรายปี
  • นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมวันที่ 30 - 31 ม.ค. และให้น้ำหนัก 55.7% ที่เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมวันที่ 19 - 20 มี.ค. และให้น้ำหนัก 52.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00 - 5.25% ในการประชุมวันที่ 31 เม.ย. - 1 พ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 17.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • สัปดาห์นี้นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ (26 ม.ค.) รวมทั้งรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30 - 31 ม.ค. นี้
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ทะยานขึ้น 2.1% และปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
  • ตลาดได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรปที่ยังคงปรับตัวลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 2.26%
  • นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ (25 ม.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวกแตะระดับสูงสุดในรอบ 34 ปี นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยตลาดปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้เป็นวันแรก และจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ (23 ม.ค.) นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดุลการค้าเดือน ธ.ค.ในวันนี้ (23 ม.ค.) เช่นกัน และจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค.ของกรุงโตเกียวในวันศุกร์นี้ (26 ม.ค.)
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงทุบขายหุ้นในตลาดหุ้นจีน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
  • นักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางจีนมีมติคงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.20% เมื่อวานนี้ ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืดและกระตุ้นการปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • ตลาดหุ้นไทยปิดลบโดยซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวลดลง จากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังนักวิเคราะห์ปรับมุมมองผลประกอบการของหุ้นในกลุ่ม ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สัปดาห์นี้ตลาดรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2566 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ย ระยะสั้นคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะยังถูกขับเคลื่อนโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ทั้งนี้ ณ ระดับราคาที่อยู่ในโซนแพง ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,001.81 จุด เพิ่มขึ้น 138.01 จุด หรือ +0.36%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,850.43 จุด เพิ่มขึ้น 10.62 จุด หรือ +0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,360.29 จุด เพิ่มขึ้น 49.32 จุด หรือ +0.32%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 472.86 จุด เพิ่มขึ้น 3.62 จุด หรือ +0.77%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 36,546.95 จุด เพิ่มขึ้น 583.68 จุด หรือ +1.62%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 2,756.34 จุด ลดลง 75.94 จุด หรือ -2.68%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,022.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,369.92 ลบ 12.59 จุด (-0.91%) Trading Volume: 51,505.59 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (-1.83%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (-1.12%) และกลุ่มพาณิชย์ (-1.88%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,000.90 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-2 bps   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 18,202.64 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 896.77 ล้านบาท 
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน