สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
18/03/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลดลงในวันที่ 15 มี.ค. นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีซึ่งเคยหนุนตลาดทะยานขึ้นในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนพิจารณาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
  • ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน มิ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด
  • มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 76.5 ในเดือน มี.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 77.4 และลดลงจากระดับ 76.9 ในเดือน ก.พ.
  • การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.5% ในเดือน ม.ค. แต่เมื่อเทียบรายปี การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.2% ในเดือน ก.พ.
  • เฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดิ่งลงสู่ระดับ -20.9 ในเดือน มี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -6.0 โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่
  • บริษัท อะโดบี (Adobe) คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยระบุถึงการแข่งขันและอุปสงค์ที่อ่อนแอสำหรับซอฟต์แวร์ภาพถ่าย ภาพประกอบ และวิดีโอที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันที่15 มี.ค. เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นว่า เฟดอาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หุ้นเทเลคอมที่ปรับตัวแข็งแกร่งได้ช่วยลดช่วงติดลบในตลาด
  • ดัชนี STOXX 600 ยังคงปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ธุรกิจที่สดใส และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
  • บริษัท สวิสคอม เปิดเผยว่าจะซื้อโวดาโฟน อิตาเลีย มูลค่า 8 พันล้านยูโร (5.7 พันล้านดอลลาร์) และควบรวมธุรกิจกับฟาสต์เว็บซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสวิสคอมในอิตาลี ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทเลคอมปรับตัวสูงขึ้น
  • สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นประกาศขึ้นค่าจ้าง 5.28% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 3.9% และส่งผลให้ตลาดเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมระหว่างวันที่ 18 – 19 มี.ค.
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวัน 15 มี.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในวันนี้
  • ธนาคารกลางจีนประกาศคงดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางประเภท 1 ปีไว้ที่ 2.50% และดึงสภาพคล่องออกจากระบบธนาคาร 9.4 หมื่นล้านหยวน เพื่อเลี่ยงปัญหาสภาพคล่องสูงเกินไป สำหรับยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของภาคธนาคารอยู่ที่ 1.45 ล้านล้านหยวนในเดือน ก.พ.
  • นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกของจีนอาจเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน ธ.ค. ที่ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.4% ขณะเดียวกันคาดว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. อาจเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน ธ.ค.ที่มีการขยายตัว 6.8%
  • ตลาดหุ้นไทยวันที่ 15 มี.ค. แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในแดนลบตลอดทั้งวัน ปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวัน จากแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมเฟดและธนาคารกลางญี่ปุ่น ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวลดลงเช่นกัน หลังดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐออกมาสูงกว่าที่คาด ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ให้ติดตามการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่สิ่งที่อาจจะมีผลต่อการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นในขณะนี้ คือการหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,714.77 จุด ลดลง 190.89 จุด หรือ -0.49%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,117.09 จุด ลดลง 33.39 จุด หรือ -0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,973.17 จุด ลดลง 155.36 จุด หรือ -0.96%
    • รอบสัปดาห์ ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวลงเล็กน้อย โดยดาวโจนส์ลดลง 0.02% S&P500 ลดลง 0.1% และ Nasdaq ลดลง 0.7%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 504.80 จุด ลดลง 1.60 จุด หรือ -0.32% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเวลา 3 วันในรอบ 5 วันทำการที่ผ่านมา
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,054.64 จุด เพิ่มขึ้น 16.40 จุด หรือ +0.54%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 6 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 2,161.50 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 81.04 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 4.07% ในรอบสัปดาห์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,386.04 ลบ 8.89 จุด (-0.64%) Trading Volume: 49,767.84 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.05%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.62%) กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (-0.88%) และกลุ่มไอซีที (-1.55%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,177.52 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดเพิ่มขึ้น 1-4 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดเพิ่มขึ้น 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดเพิ่มขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับเพิ่มขึ้น 1-4 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1 bp
      • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,485.42 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,736.06 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน