การเติบโตของเศรษฐกิจส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย


ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ.กรุงศรี จำกัด

การที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกต่างเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่อง และยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าปกติต่อไป ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง จากความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงแรงหรืออาจเข้าสู่ภาวะถดถอย กอปรกับวิกฤตพลังงานในยุโรป ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อของยุโรปพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปอาจไม่สามารถช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลง เพราะการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อมีสาเหตุจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน ซึ่งมีแนวโน้มว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะพยายามรักษาระดับราคาพลังงานให้อยู่ในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้ ดัชนีชี้วัดต่างๆของยุโรปบ่งชี้ว่า โอกาสที่เศรษฐกิจยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมีสูงมาก
จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูงมาก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงพอสมควร และส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็น่าจะส่งผลให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยดูไม่ดีนัก

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ปัจจัยนอกประเทศอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่ปัจจัยภายในประเทศยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว นำโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภค การท่องเที่ยว ในขณะที่การส่งออกยังคงขยายตัวแข็งแกร่งถึงแม้ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยหลายประเทศประสบปัญหาบางประการ และการลงทุนภาคเอกชนยังคงมีแนวโน้มที่ดี สะท้อนว่าเครื่องจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไป

ด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนราว 50% ของจีดีพี ได้แรงขับเคลื่อนหลักจากการผ่อนคลายมาตรการสกัดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ผู้คนที่เคยขาดรายได้จากมาตรการสกัดโควิดก็กลับมามีรายได้และมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น สังเกตุได้จากห้างร้านต่างๆและร้านอาหารมีคนใช้บริการหนาแน่น ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนอาหารในหลายประเทศ อย่างไรก็ดี รายได้ภาคเกษตรโดยรวมอาจไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เนื่องจากต้นทุน เช่น ค่าปุ๋ย ค่าขนส่ง ฯลฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลให้หลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีรายได้มากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น  ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันสินค้าบางรายการ เช่น รถยนต์ ยังไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต

ด้านการท่องเที่ยว หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้ามาในประเทศ และเปิดชายแดนให้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถเดินทางเข้ามาในไทยได้สะดวกขึ้น ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากหลายชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นก็ตาม ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซียที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากจีนยังคงจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศ และรัสเซียมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับยูเครน  นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังได้แรงหนุนจากการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวมีความคึกคักมากขึ้น ทั้งนี้หลายหน่วยงานคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยในปีนี้อาจสูงกว่า 10 ล้านคน ซึ่งหากจีนผ่อนคลายให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้มากขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย

ด้านการส่งออก ถึงแม้หลายประเทศประสบปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น ในขณะที่ในบางภาคอุตสาหกรรมของไทยประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและชิ้นส่วน ส่งผลให้ไม่สามารถผลิตสินค้าเพื่อส่งออกได้ และจีนซึ่งเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญของไทยประกาศล็อคดาวน์หลายครั้ง แต่การส่งออกของไทยยังคงเติบโตได้ดีกว่าที่คาดมาก โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้การส่งออกของไทยโตราว 11% ส่งผลให้หลายหน่วยงานต่างปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของการส่งออกในปีนี้สู่ 8% เทียบกับเมื่อช่วงต้นปีที่คาดว่าอาจเติบโตเพียง 3 - 4%  ทั้งนี้ การส่งออกมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าที่คาดหากจีนผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและชิ้นส่วนการผลิตดีขึ้น รวมถึงได้แรงหนุนจากการเปิดตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น ซาอุดิอาระเบียและตะวันออกกลาง หลังไทยกับซาอุดิอาระเบียกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การลงทุนภาคเอกชน ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาชะลอตัวลงบ้างหลังจากเร่งตัวไปในช่วงก่อนหน้านี้ กอปรกับต้นทุนในภาคก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น  แต่มีแนวโน้มที่การลงทุนภาคเอกชนจะกลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงได้แรงหนุนจากการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็มีปัจจัยที่สำคัญหลายประการที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้สูงกว่าที่คาดมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการจดทะเบียน และการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มโตสวนทางกับเศรษฐกิจโลกจะเป็นแรงดึงดูดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการหาแหล่งลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตดี

กองทุนหุ้นแนะนำ คลิก:    KFDYNAMIC | KFDNMRMF | KFS100SSFKFS100RMF

พบทุกคำตอบเรื่องเงินที่ Krungsri The Coach คลิกที่นี่ 








ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
สามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี  โทร. 02-657-5757
หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว