สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
29/11/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ขานรับการแสดงความเห็นเชิงบวกของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
  • นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในขณะนี้อยู่ในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอแล้ว พร้อมกับส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลงเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • นายออสแทน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังปรับตัวลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 พร้อมกับกล่าวว่าเขารู้สึกกังวลหากเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเกินไป
  • การแสดงความเห็นของนายวอลเลอร์และนายกูลส์บี เป็นปัจจัยหนุนตลาด แม้ว่าจะสวนทางกับความเห็นของนางมิเชล โบว์แมน สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมวันที่ 12 - 13 ธ.ค. และคาดว่าเฟดอาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2567
  • ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือน พ.ย. จากระดับ 99.1 ในเดือน ต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 101
  • สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกในฤดูการจับจ่ายใช้สอยช่วงเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. จะเพิ่มขึ้นราว 3% - 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายมากขึ้นในปีนี้
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังจากการแสดงความเห็นของผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ทำลายความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
  • นายโยอาคิม เนเกิล ประธานธนาคารบุนเดสแบงก์เปิดเผยในวันอังคาร (28 พ.ย.) ว่า ECB อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากแนวโน้มเงินเฟ้อแย่ลง และ ECB ไม่ควรรีบผ่อนคลายนโยบายเร็วเกินไป หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวเมื่อวันจันทร์ (27 พ.ย.) ว่า การต่อสู้ของ ECB เพื่อควบคุมการขยายตัวของเงินเฟ้อนั้นยังไม่สิ้นสุด
  • ตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาส 45% ที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรก 0.25% ในเดือน เม.ย. ปีหน้า ลดลงจากการคาดการณ์โอกาสราว 90% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่แล้ว
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ -27.8 ก่อนเข้าสู่เดือน ธ.ค. จาก -28.3 ในเดือน พ.ย. โดยดัชนีบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเล็กน้อยวานนี้ โดยตลาดปรับตัวในกรอบแคบๆ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน พ.ย. ในวันพฤหัสบดีนี้ (30 พ.ย.) ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจะหดตัวลงอีกในเดือน พ.ย.
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุด โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง และค่าเงินบาทแข็งค่า ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดโดยส่วนใหญ่ออกมาแสดงความเห็นในโทนผ่อนคลาย โดยมีมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยได้อยู่ในระดับที่สูงเพียงพอแล้ว จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าปีหน้าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐ

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,416.98 จุด เพิ่มขึ้น 83.51 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,554.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.46 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,281.76 จุด เพิ่มขึ้น 40.73 จุด หรือ +0.29%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 457.04 จุด ลดลง 1.37 จุด หรือ -0.30%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,038.55 จุด เพิ่มขึ้น 6.85 จุด หรือ +0.23%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 27.20 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 2,060.20 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,401.42 บวก 8.00 จุด (+0.57%)  Trading Volume: 37,070.12 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.38%) ตามด้วยกลุ่มขนส่ง (-0.33%) กลุ่มพาณิชย์ (-0.11%) และกลุ่มธนาคาร (+0.66%)  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 773.14 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-9 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-4 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 4-9 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-6 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 3-9 bps   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 54,608.66 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 610.90 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน