ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันที่ 17 พ.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเหนือระดับ 40,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ได้หนุนความหวังของนักลงทุนที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ซึ่งเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 68% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย.
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันที่ 17 พ.ค. เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวังหลังจาก นางอิซาเบล ชนาเบล ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) สนับสนุนการดำเนินนโยบายที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่อาจปรับลดลงครั้งแรกในเดือน มิ.ย. ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงมากที่สุด โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่ปรับตัวขึ้น
• ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันที่ 17 พ.ค. ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงก่อนหน้า อย่างไรก็ดีนักลงทุนช่วยหนุนตลาดไว้โดยเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลง พร้อมเสาะหาบริษัทที่มีผลประกอบการออกมาเป็นบวกหรือให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นได้ดี ด้านนักวิเคราะห์เชื่อว่าตลาดในตอนนี้ถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนวันที่ 17 พ.ค. ปิดพุ่งกว่า 1% นำโดยหุ้นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังมีการจัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อหารือเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการเสนอให้ระบายสต็อกบ้านส่วนเกิน
• ตลาดหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ค. แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยซื้อขายในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้น ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 1/67 ที่ออกมาดี ทำให้ Bloomberg ได้ประเมิน EPS ปีนี้ที่ 94 - 96 บาท คิดเป็น P/E ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สะท้อน Valuation หุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,003.59 จุด เพิ่มขึ้น 134.21 จุด หรือ +0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,303.27 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ +0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,685.97 จุด ลดลง 12.35 จุด หรือ -0.07%
  • รอบสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.24%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.54% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.11%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 522.94 จุด ลดลง 0.68 จุด หรือ -0.13%
  • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,787.38 จุด ลดลง 132.88 จุด หรือ -0.34%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,154.03 จุด เพิ่มขึ้น 31.63 จุด หรือ +1.01%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.05% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 31.90 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 2,417.40 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,382.68 บวก 4.96 จุด (+0.36%) Trading Volume: 40,256.05 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (+0.06%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (-0.42%) และกลุ่มธนาคาร (+0.07%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 831.68 ล้านบาท
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
    • อายุ >5-10 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-4 bps
    • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1 bp
  • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 4,525.12 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 144.49 ล้านบาท

• หุ้นทั่วโลก คลิก: KFGLOBAL-A | KFGLOBFX-A | KFWINDX-A
• หุ้นสหรัฐ คลิก: KFNDQ-A |   KFUSINDX-A
• หุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF
• ตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี คลิก: KFSINCFX-A | KFSINCFX-R | KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF