สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
04/12/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวกในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นที่สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอาจแตะระดับสูงสุดแล้ว
  • นายพาวเวลยอมรับว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฟดต้องสร้างความสมดุลในการดำเนินนโยบายการเงินไม่ให้คุมเข้มหรือผ่อนคลายมากเกินไป
  • ข้อมูลที่เปิดเผยในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) แสดงให้เห็นว่า การผลิตของสหรัฐยังคงหดตัว เนื่องจากโรงงานต่างๆ มียอดคำสั่งซื้อใหม่ลดลง สินค้าคงคลังที่ลดลง และแรงกดดันด้านแรงงาน
  • เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ 49.4 ในเดือน พ.ย. ลดลงจาก 50.0 ในเดือน ต.ค.
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 46.7 ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.6 โดยดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมเดือน ธ.ค.2566 และ ม.ค.2567 ขณะที่ให้น้ำหนัก 53.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือน มี.ค.2567 หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ชะลอตัวจากเดือน ก.ย.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยปรับเพิ่มขึ้น 4.2% ตามทิศทางราคาโลหะซึ่งได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกจากจีนช่วยหนุนราคาโลหะ
  • นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่ปรับตัวลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตอ่อนแอและความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด สนับสนุนความหวังที่ว่า อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในไตรมาสแรกของปีหน้า
  • ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาส 2 ของปีหน้าซึ่งการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันรวม 4.5%
  • นายเบิร์ต โคลจิน หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ING คาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนช่วงฤดูร้อนของปี 2567 หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.9% ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.7% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.2% ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) หลังไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจ โดยระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.7 ในเดือน พ.ย. จากระดับ 49.5 ในเดือน ต.ค. ด้านดัชนี PMI เดือน พ.ย.ของจีนขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.8 โดยได้แรงหนุนจากยอดสั่งซื้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ดัชนีที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวกในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) โดยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ แต่มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่บางตัวจากปัจจัยเฉพาะตัว  ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขชี้วัดเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอลงมากกว่าที่คาด และ Caixin PMI บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนกลับมาขยายตัว

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ทำให้ตลาดเชื่อว่าดอกเบี้ยน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และน่าจะเห็นเฟดยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและเงินเฟ้อที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ นายพาวเวลก็ไม่ปิดกั้นที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีกหากมีความจำเป็น มองเป็นโอกาสลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้นโลก สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก เนื่องจากระดับราคายังอยู่ในโซนที่ถูก มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากดอกเบี้ย และส่วนต่างราคา (capital gain) ในอนาคต หากเฟดใช้นโยบายปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,245.50 จุด เพิ่มขึ้น 294.61 จุด หรือ +0.82%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,594.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.83 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,305.03 จุด เพิ่มขึ้น 78.81 จุด หรือ +0.55%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 466.20 จุด เพิ่มขึ้น 4.59 จุด หรือ -0.99%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,031.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด หรือ +0.07%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 1.89 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 74.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 32.50 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 2,089.70 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,380.31 บวก 0.13 จุด (+0.01%) Trading Volume: 37,626.77 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.07%) ตามด้วยกลุ่มขนส่ง (-1.14%) กลุ่มธนาคาร (+0.27%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.58%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 266.24 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดแกว่งตัว 1-3 bps
      • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1-2 bps   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 8,765.82 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,798.71 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน