สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
01/11/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
  • เกร็ก บาสซัค นักวิเคราะห์จากบริษัท AXS Investments กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งความไม่แน่นอนของสงครามในตะวันออกกลางและในยูเครน
  • ซามีร์ ซามานา นักวิเคราะห์จากบริษัท Wells Fargo Investment Institute กล่าวว่า ตลาดยังได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักเมื่อไม่นานมานี้
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะประกาศผลการประชุมในวันนี้ (1 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย และจากนั้นจะเป็นการแถลงข่าวของนายพาวเวล ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมครั้งนี้
  • บริษัท พินเทอเรสต์ (Pinterest ) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบ่งปันและค้นหารูปภาพในโซเชียลมีเดีย เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 28 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20 เซนต์ พร้อมกับเปิดเผยจำนวนสมาชิกรายเดือนเพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 482 ล้านคน ใกล้กับระดับเป้าหมาย 500 ล้านคน
  • ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 102.6 ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 104.3 ในเดือน ก.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
  • ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และหากเทียบรายเป็นปี ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือน ส.ค.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายราย แต่ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดเดือน ต.ค. ร่วงลงอย่างรุนแรงจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
  • เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 3/66 หดตัว 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากโต 0.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.5% ในไตรมาส 2/66 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ต.ค. ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือน ก.ย. ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนก่อนหน้า
  • ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บริษัท 158 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแล้ว โดย 57.6% รายงานผลประกอบการสูงเกินคาด
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่นคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีไว้ที่ใกล้ 0% พร้อมทั้งระบุว่าอัตราผลตอบแทนพันบัตรอายุ 10 ปี อาจแกว่งได้ในช่วง 1% โดยที่ตัวเลข 1% เป็นเพียงตัวเลขอ้างอิง ไม่ใช่กรอบที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ธนาคารกลางได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปี 2566 และ 2567 ขึ้นสูงกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 2%  ทางด้านยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 5.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ก.ย. โดยเป็นการขยายตัวเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกัน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ก.ย. ฟื้นตัวจากลดลง 0.7% ในเดือน ส.ค. แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 2.5% ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ 2.6% ในเดือน ก.ย. จาก 2.7% ในเดือน ส.ค.
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ หลังจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่หดตัวสวนทางคาดการณ์ในเดือน ต.ค.
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนที่จัดทำโดยทางการ ลดลงสู่ 49.5 ในเดือน ต.ค. จาก 50.2 ในเดือน ก.ย. และ PMI นอกภาคการผลิตที่จัดทำโดยทางการลดลงสู่ 50.6 จาก 51.7
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันร่วงลงแรง และแรงขายหุ้น TRUE จากปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน สิ้นวันดัชนีปิดปรับตัวลดลง สวนทางกับตลาดหุ้นอื่นๆในอาเซียนที่ต่างปิดปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นแรงในวันก่อนหน้า จากแรงหนุนของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯของสหรัฐที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่บ่งชี้ถึงการเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ปิดร่วงลง หลัง PMI ของจีนออกมาต่ำกว่าที่คาด
  • ธปท. รายงานเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือน ก.ย. นำโดยภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงหลังจากขยายตัวแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้     

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือน ก.ย. นำโดยภาคการท่องเที่ยว ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงมายังระดับประมาณ 1,380 จุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ถูกและมีความน่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี แนะนำทยอยลงทุนในกองทุนหุ้นไทย

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,052.87 จุด เพิ่มขึ้น 123.91 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,193.80 จุด เพิ่มขึ้น 26.98 จุด หรือ +0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,851.24 จุด เพิ่มขึ้น 61.76 จุด หรือ +0.48%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 433.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.59%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,018.77 จุด ลดลง 2.78 จุด หรือ -0.09%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 81.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 11.30 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,994.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,381.83 ลบ 14.02 จุด (-1.00%)  Trading Volume: 37,497.85 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.63%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.88%) กลุ่มไอซีที (-1.23%) และกลุ่มพาณิชย์ (-1.15%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,334.49 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-3 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 53,097.82 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 292.37 ล้านบาท   
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย คลิก:
KFDYNAMIC | KFDNM-D | KFENS50-A | KFS100-A | KFENS50SSF | KFDNMRMF | KFS100RMF
 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน