สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
01/03/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือน ธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน ม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ธ.ค.
  • ดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือน ธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือน ม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ธ.ค.
  • นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาได้ระบุย้ำถึงมุมมองของเขาที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนปีนี้ โดยจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจ และนายออสเตน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า อุปทานสินค้าและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นในปีที่แล้วนั้นจะทำให้เงินเฟ้อลดลงในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเขายังคงสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
  • FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ปีนี้ หลังการเปิดเผยดัชนี PCE เพิ่มขึ้นตามคาดในเดือน ม.ค. ขณะที่การเพิ่มขึ้นในรายปีนั้นน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี
  • บริษัท อินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.08% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 9.06% โดยหุ้นดังกล่าวและหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยหนุนตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI
  • ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนและการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เป็นไปตามความคาดหมาย ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังการเปิดเผยข้อมูลขั้นต้นบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อชะลอตัวลง
  • การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากฝรั่งเศสและสเปนลดลงเช่นกัน ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ อีกทั้งตลาดจะรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 2.5% ในเดือน ก.พ. ลดลงจาก 2.8% ในเดือน ม.ค. ซึ่งเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของ ECB ที่ 2%
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นลดลง 7.5% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือน ธ.ค. และเทียบกับที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 7.3% โดยผลผลิตลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563 ตามการลดลงของผลผลิตรถยนต์ ทางด้านยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ม.ค. ตามคาด
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขณะที่นักลงทุนรอจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวลดลง ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายหนาแน่น จากการปรับน้ำหนักของ MSCI ในขณะที่ ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ โดยนักลงทุนยังคงรอดูตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (core PCE) ของสหรัฐ ซึ่งอาจมีส่วนในการกำหนดทิศทางดอกเบี้ยของเฟด
  • ธปท. รายงานเศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค. ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ในภาพรวมยังคงอ่อนแอ โดยการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนทรงตัว การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาครัฐยังคงหดตัว

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากการเปิดตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์  ช่วยหนุนให้บรรยากาศในตลาดหุ้นทั้งสหรัฐและยุโรปเป็นไปอย่างสดใส อีกทั้งภาพรวมของกำไรบริษัทจดทะเบียนยังประกาศออกมาดี และดูเหมือนว่าตลาดจะซึมซับเรื่องการเลื่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือน มิ.ย. จากปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้ตลาดหุ้นยังคงมีทิศทางที่ดีไปอีกซักระยะ

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 38,996.39 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,096.27 จุด เพิ่มขึ้น 26.51 จุด หรือ +0.52% และดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,091.92 จุด เพิ่มขึ้น 144.18 จุด หรือ +0.90%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 494.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.02 จุด หรือ +0.004%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,015.17 จุด เพิ่มขึ้น 57.32 จุด หรือ +1.94%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 12.00 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 2,054.70 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 78.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,370.67 ลบ 11.38 จุด (-0.82%)  Trading Volume: 73,542.55 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายมาก โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-2.05%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-0.61%) และกลุ่มธนาคาร (-0.23%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,336.52 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1 bp     
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 22,623.39 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 402.64 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน