สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
28/11/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังจากดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนี ในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ โดยขณะนี้นักลงทุนหันมาจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ซึ่งเป็นตัวเลขเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ รวมทั้งตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 3 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในวันไซเบอร์มันเดย์ (Cyber Monday) เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
  • อะโดบี อะนาไลติกส์ (Adobe Analytics) คาดการณ์ว่า โปรโมชั่นที่ผู้ประกอบการนำเสนอสำหรับการช้อปปิ้งทางออนไลน์นั้น จะจูงใจให้ผู้บริโภคใช้จ่ายในวันไซเบอร์มันเดย์สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้นมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลข GDP สหรัฐ
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมเดือน ธ.ค. 2566 ม.ค. 2567 มี.ค. 2567 และ พ.ค. 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00 - 5.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย. 2567
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 5.6% สู่ระดับ 679,000 ยูนิตในเดือน ต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 723,000 ยูนิต จากระดับ 719,000 ยูนิตในเดือน ก.ย.
  • สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ (28 พ.ย.) จะมีการเปิดเผยราคาบ้าน เดือน ก.ย. จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ส่วนในวันพุธ (29 พ.ย.) จะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด
  • สำหรับในวันพฤหัสบดี (30 พ.ย.) จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ต.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือน ต.ค. และในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ต.ค.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบโดยตลาดถูกกดดันจากความเห็นของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระบุว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของยูโรโซนกำลังลดลงตามคาด แต่การขยายตัวของค่าแรงยังคงแข็งแกร่งและแนวโน้มยังไม่แน่นอน ดังนั้นการต่อสู้ของ ECB เพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้น จึงยังไม่จบ
  • Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยผลสำรวจวานนี้ (27 พ.ย.) ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ส่งออกของเยอรมนีดีขึ้น โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -3.8 จุด ในเดือน พ.ย. จาก -6.3 ในเดือน ต.ค. ถึงแม้การส่งออกจะปรับตัวขึ้นเพียงไม่กี่ภาคส่วนก็ตาม ด้านนายเคลาส์ โวห์ลราเบ หัวหน้าฝ่ายสำรวจของ Ifo กล่าวว่า เศรษฐกิจด้านการส่งออกยังคงไม่มีปัจจัยกระตุ้นอย่างชัดเจน
  • นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อจากเยอรมนีและประเทศอื่นๆ อย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ รวมถึงการแสดงสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) รายงาน GDP ไตรมาส 3 และรายงานข้อมูลการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมจีน และการทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย. และ ส.ค. ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 11.9% และ 17.2% ตามลำดับ บ่งชี้ว่าจีนยังคงเผชิญภาวะเงินฝืด และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางไปจนถึงสิ้นปี 2566
  • ตลาดหุ้นจีนได้รับแรงกดดันจาก บริษัทจงจื๋อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป (Zhongzhi Enterprise Group) ซึ่งเป็นผู้จัดการความมั่งคั่งชั้นนำของจีน หลังแจ้งต่อนักลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีหนี้สินสูงถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์จีนกำลังลุกลามเป็นวงกว้างไปสู่ภาคการเงิน
  • ตลาดหุ้นไทยปิดลบโดยซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวลดลง ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน หลังผลกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมของจีนยังคงหดตัว ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงตัวชี้วัดเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะรายงานในสัปดาห์นี้

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ตลาดเชื่อว่าดอกเบี้ยน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยตั้งแต่ มิ.ย. 67 เป็นต้นไป สะท้อนจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐที่ทยอยประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนส่งสัญญาณชะลอตัว ดังนั้นสัปดาห์นี้หากตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2023 และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ Core PCE ที่เฟดให้ความสำคัญออกมาต่ำกว่าคาด จะส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แนะนำกระจายพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,333.47 จุด ลดลง 56.68 จุด หรือ -0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,550.43 จุด ลดลง 8.91 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,241.02 จุด ลดลง 9.83 จุด หรือ -0.07%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 458.41 จุด ลดลง 1.57 จุด หรือ -0.34%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,031.70 จุด ลดลง 9.27 จุด หรือ -0.30%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ลดลง 68 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 74.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 2,012.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,393.42 ลบ 4.01 จุด (-0.29%) Trading Volume: 36,302.87 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.13%) ตามด้วยกลุ่มขนส่ง (-1.78%) และกลุ่มธนาคาร (+0.13%)  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 613.27 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-5 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 3-5 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-6 bps
      • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1 bp
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 11,352.37 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,554.57 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน