สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
02/11/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1.6% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าเฟดได้เสร็จสิ้นภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
  • นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กรรมการเฟดจะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน แม้ยังไม่มั่นใจว่าภาวะการเงินในขณะนี้มีความเข้มงวดมากพอที่จะทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับต่ำตามที่เฟดต้องการหรือไม่
  • คณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 อย่างไรก็ดี เฟดยอมรับว่าภาวะการเงินที่มีความตึงตัวมากขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
  • ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวผันผวนในช่วงแรกที่นายพาวเวลแถลงข่าว แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก เนื่องจากนายพาวเวลไม่ได้ยืนกรานว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน เหมือนกับที่เขาเน้นย้ำในการแถลงข่าวครั้งที่แล้ว
  • ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัท Spartan Capital Securities แสดงความเห็นว่า แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดและนายพาวเวลสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย (Dovish) นอกจากนี้ การที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้ง นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือน ธ.ค. ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ยุติลงแล้ว
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับการประมูลพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
  • ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ 46.7 ในเดือน ต.ค. จาก 49.0 ในเดือน ก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจอยู่ที่ 49.0 และบ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคการผลิตเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ทางด้าน ADP รายงานภาคเอกชนสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. ส่วนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเพิ่มขึ้น 56,000 ตำแหน่งจากเดือนก่อนหน้า สู่ 9.553 ล้านตำแหน่งในเดือน ก.ย.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะนักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะประกาศหลังตลาดยุโรปปิดทำการไปแล้ว
  • ตลาดยังคงมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลง และเศรษฐกิจเริ่มหดตัวซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นสู่ 48.7 ในเดือน ต.ค. จาก 48.5 ในเดือน ก.ย. โดยดัชนีบ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาด แม้จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงก็ตาม
  • บริษัทหลักทรัพย์ไห่ตงเปิดเผยว่า บริษัท 5,200 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น มีกำไรเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 0.5% ในเดือน ก.ค. - ก.ย. เมื่อเทียบกับในช่วงก่อนหน้านั้นที่ผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ปรับตัวลดลง
  • ไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือน ต.ค. จากระดับ 50.6 ในเดือน ก.ย. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัวและเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ปีนี้
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูผลการประชุมเฟด ซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณถึงทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากการที่เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์พร้อมทั้งนายเจอโรม พาวเวล กล่าวหลังการประชุมออกมาในเชิงไม่แข็งกร้าวว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานาน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมา

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,274.58 จุด เพิ่มขึ้น 221.71 จุด หรือ +0.67% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 44.06 จุด หรือ +1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,061.47 จุด เพิ่มขึ้น 210.23 จุด หรือ +1.64%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 436.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.91 จุด หรือ +0.67%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,023.08 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด หรือ +0.14%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,987.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,379.96 ลบ 1.87 จุด (-0.14%) Trading Volume: 38,090.52 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.08%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.18%) กลุ่มไอซีที (-1.74%) และกลุ่มพาณิชย์ (-0.26%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 718.25 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-6 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-6 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-10 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-6 bps   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 5,992.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,509.66 ล้านบาท 
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน