Sell in May?


ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด

 
เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกๆปี นักวิเคราะห์ในตลาดมักจะอ้างอิงถึงกลยุทธ์ “Sell in May and Go Away” กล่าวคือให้ขายหุ้นออกไปก่อนและกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้งในเดือนตุลาคม เนื่องจากมองว่าหุ้นมักจะเริ่มปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคม 

ทั้งนี้ข้อมูลดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดทำดัชนีผลตอบแทนรวมถึงปี 2561 ที่ผ่านมา มี 8 ปีที่ดัชนีให้ผลตอบแทนเป็นลบ และมี 9 ปีที่ดัชนีให้ผลตอบแทนเป็นบวก หรือมีโอกาสพอๆกันที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกหรือลบ  อย่างไรก็ดี มีเพียง 6 จาก 17 ปีในช่วงดังกล่าว ที่ดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อหลังจากปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคม และส่งผลให้ดัชนีผลตอบแทนรวมในปีนั้นติดลบ

สำหรับสาเหตุที่นักลงทุนบางส่วนอาจมองว่าหุ้นมักจะตกในเดือนพฤษภาคมอาจเป็นเพราะ ในเดือนพฤษภาคมหุ้นขนาดใหญ่มักจะเริ่มทยอยจ่ายเงินปันผลประจำปี ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง เพื่อสะท้อนมูลค่าหลังจากที่เงินปันผลออกมาแล้ว  ในขณะที่ในไตรมาสสองของทุกปี มักจะเป็นไตรมาสที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมต่ำกว่าไตรมาสอื่นๆ เนื่องจากเป็นไตรมาสที่มีวันหยุดจำนวนมาก ส่งผลให้มีวันทำงานน้อยกว่าไตรมาสอื่นๆ

อย่างไรก็ดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ในปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีความผันผวนมากขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมากขึ้น และจีนก็ตอบโต้โดยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

สำหรับในปีนี้อาจเป็นอีกปีหนึ่งที่ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจปรับตัวลดลงในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดยมีสาเหตุจากหลายปัจจัยดังนี้
  • ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ซึ่งยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่าจะมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเป็น 25% ในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากจีนดำเนินการเจรจาการค้าเป็นไปอย่างล่าช้า แต่อย่างไรก็ดี ทางด้านจีนยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าเจรจาการค้าต่อไป ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการที่นายทรัมป์ออกมาทวีตครั้งนี้เป็นเพียงการกดดันจีนให้ดำเนินการต่างๆและตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐให้เร็วขึ้น และมองว่าความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นความเสี่ยงที่ตลาดตอบรับไปมากแล้วพอสมควร
  • ความวุ่นวายในตะวันออกกลาง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องติดตาม เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านมีมากขึ้นหลังมีรายงานว่าสหรัฐอาจส่งกำลังทหารไปยังตะวันออกกลางเพื่อกดดันอิหร่าน ในขณะที่ ปัญหาการสู้รบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่ดำเนินต่อเนื่องมาหลายสิบปีก็ยังคงดำเนินต่อไป
  • ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยหลังจากสหรัฐเริ่มทำสงครามการค้ากับหลายๆประเทศ เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการค้าในตลาดโลกมีความเชื่อมโยงกันอย่างมากในหลายๆด้าน การชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่จึงส่งผลกระทบไปยังประเทศอื่นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่เศรษฐกิจสหรัฐเองซึ่งแม้ในปัจจุบันยังคงมีความแข็งแกร่งจากตลาดแรงงานและการบริโภค แต่การที่ธนาคารกลางสหรัฐหยุดพักการขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้ เป็นสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐก็มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในระยะอันใกล้นี้เข่นกัน
  • ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกออกมาน่าผิดหวัง ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนอาจเลี่ยงความเสี่ยงเพื่อรอดูความชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม

อย่างไรก็ดี ถึงแม้มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคมปีนี้ แต่ก็มีหลายปัจจัยที่อาจหนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกพลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่
  • เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของหลายประเทศเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นทั้งตัวเลขภาคการผลิตและภาคบริการ เป็นสัญญาณว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯปรับตัวดีขึ้นในเร็วๆนี้
  • การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจบลงด้วยดี โดยจีนมีท่าทีอ่อนข้อต่อการเจรจามากขึ้น และแสดงความพยายามอย่างชัดเจนที่จะยุติปัญหาความขัดแย้งทางการค้า

ดังนั้น หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนสูงได้ และมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีที่จะตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้ แต่หากนักลงทุนยังไม่ค่อยมั่นใจ ก็อาจใช้กลยุทธ์การทยอยลงทุน แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อย ก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อรอความชัดเจนมากขึ้น

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว