ตลาดหุ้นยุโรปดูสดใส


ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด


ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม ดัชนี S&P500 ของสหรัฐปรับขึ้นกว่า 17% ดัชนี EURONEXT 100 ของยุโรปปรับขึ้นราว 14% ดัชนี FTSE100 ของอังกฤษปรับขึ้นราว 8% ดัชนี DAX ของเยอรมนีปรับขึ้นราว 14% ในขณะที่ SET Index ของไทยปรับขึ้นเกือบ 9% จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นอังกฤษซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเมื่อวัดจากมูลค่ารวมของทั้งตลาด ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นไทย ในขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนี ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองในยุโรป และดัชนี EURONEXT100 ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดหุ้นไทย แต่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ
 
ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีหลังจากหลายประเทศเริ่มทยอยเปิดเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในยุโรปดีขึ้น และหลายประเทศสามารถฉีดวัคซีนได้มากขึ้น โดยมีหลักฐานสำคัญจากการแข่งขันฟุตบอลยุโรปที่หลายสนามเปิดให้ผู้ชมเข้าในสนามจำนวนมาก โดยที่บางสนามเปิดให้ผู้ชมเข้าสู่สนามเต็มอัตราความจุ
 
ในแง่ของตัวเลขเศรษฐกิจ ถึงแม้เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกันในไตรมาส 4/63 และไตรมาส 1/64 ซึ่งตรงตามนิยามที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 2/64 หลังรัฐบาลหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 
 
นอกจากนี้ มีสัญญาณที่ชัดเจนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 3/64 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดย PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนขยับขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในขณะที่ PMI ภาคบริการพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ส่งผลให้ PMI แบบรวมของยูโรโซนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยที่คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 21 ปี และคำสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ การที่อุปสงค์ในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ยอดขายที่รอรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เป็นสัญญาณว่าบริษัทต่างๆจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/64
 
การที่ภาคการผลิตและภาคบริการเติบโตอย่างมากส่งผลให้มีการจ้างงานมากขึ้น โดยภาคบริการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ในขณะที่ภาคการผลิตจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ในด้านการบริโภคและการใช้จ่าย ยอดค้าปลีกของยูโรโซนปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาดในเดือนพฤษภาคมตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายหมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร สะท้อนว่าผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายในหมวดสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การที่การจ้างงานทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น และจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆ

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรป (Europe’s Economic Sentiment Indicator – ESI) เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 21 ปีในเดือนมิถุนายน บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูง

การที่ภาคการผลิตและภาคบริการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อุปสงค์และความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและแรงงาน เป็นผลให้ราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงานปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากหลายสำนักในยุโรปให้ความเห็นตรงกันว่า บริษัทต่างๆในยุโรปต่างผลักภาระให้กับผู้บริโภคโดยการปรับขึ้นราคาสินค้า โดยที่ยอดขายไม่ลดลงเนื่องจากผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น บริษัทต่างๆจึงมีแนวโน้มที่จะสร้างผลกำไรได้สูงขึ้น

จะเห็นได้ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจและแนวโน้มผลกำไรของบริษัทในยุโรปดูสดใสมาก โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก่อนที่อาจจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปีนี้ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าจากผลของข้อจำกัดบางประการ เช่น การใช้กำลังการผลิตเต็มที่แล้ว ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบที่อาจยืดเยื้อ เป็นต้น

ในแง่ของความเสี่ยง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ยังมีต่อเนื่อง และอาจส่งผลให้วัคซีนที่มีอยู่มีประสิทธิภาพน้อยลง ซึ่งหากโควิด-19 กลับมาระบาดรุนแรงในยุโรป ก็อาจนำไปสู่การล็อคดาวน์ครั้งใหม่ และอาจส่งผลให้มุมมองทางเศรษฐกิจและการลงทุนแย่ลง

ทั้งนี้ หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูง และยอมรับได้กับการที่ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนสูง การลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก โดยท่านสามารถขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาการลงทุนหรือขอข้อมูลกองทุนหุ้นยุโรปจาก บลจ.กรุงศรี ได้ครับ

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว