สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
22/09/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความกังวลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวภายหลังการประชุมเมื่อวันพุธ (20 ก.ย.) ว่า การที่เฟดจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้นั้น อาจต้องใช้เวลาอีกนาน นอกจากนี้ นายพาวเวลยอมรับว่า แม้มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในภาวะซอฟต์แลนดิง แต่เส้นทางที่จะไปถึงจุดนั้นเริ่มแคบลงและอาจต้องใช้เวลานาน
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในปีหน้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 20,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2566 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย จากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
  • การพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ สมาชิกสภายังคงมีความเห็นต่างในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงประเด็นการใช้จ่ายด้านกลาโหม โดยสภาคองเกรสมีเวลาจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ในการผ่านร่างกฏหมายดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐต้องปิดทำการหรือชัตดาวน์
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลง โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกบ่งชี้ว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
  • ธนาคารกลางอังกฤษมีมติ 5 ต่อ 4 ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากมีสัญญาณมากขึ้นว่า การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานและภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน หลังเฟดและธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
  • นายคลาส นอต กรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่ ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนลดลง 1.8 จุดในเดือน ก.ย. จากระดับในเดือน ส.ค.
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ซึ่งถูกกดดันจากความวิตกที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21 ก.ย.) เปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะพลิกกลับมาซื้อขายในแดนบวกตลอดช่วงที่เหลือของวัน จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพาณิชย์ ปิดตลาดปรับตัวสูง สวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ต่างปิดร่วงลง โดยมีหลายตลาดที่ปิดปรับลดลงมากกว่า 1% หลังเฟดส่งสัญญาณว่าอาจประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจจะยุติการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายในเร็วๆ นี้

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นอย่างเช่นในขณะนี้ เพราะหากสามารถลงทุนตามเป้าหมายระยะกลางได้ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้และด้านระดับราคาในอนาคต

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,070.42 จุด ลดลง 370.46 จุด ลดลง -1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,330.00 จุด ลดลง 72.20 จุด หรือ -1.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,223.98 จุด ลดลง 245.14 จุด หรือ -1.82%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.67 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือ -1.30%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดที่ระดับ 3,084.70 จุด ลดลง 23.87 จุด หรือ -0.77%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.1% ปิดที่ 89.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 27.50 ดอลลาร์ หรือ 1.40% ปิดที่ 1,939.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,514.26 บวก 6.36 จุด (+0.42%)  Trading Volume: 42,367.61 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.46%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.14%) กลุ่มการแพทย์ (+0.19%) และกลุ่มพาณิชย์ (+1.13%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 637.32 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-6 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดแกว่งตัว 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-7 bps
      • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1 bp
    • นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 256.20 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 120.89 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9

กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี
คลิก:
KF-CSINCOM | KF-SINCOMEKFSINCRMF
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน