สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
20/12/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
  • ตลาดยังคงขานรับผลการประชุมเฟดครั้งล่าสุดซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดได้สิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567
  • นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาไม่คิดว่าเฟดจะเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งมาก แต่นักลงทุนยังคงเชื่อว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 2567
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67.5% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. 2567 และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% ซึ่งมากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
  • โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์เป้าหมายดัชนี S&P500 ในปี 2567 ขึ้น 8% สู่ระดับ 5,100 จุด โดยคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และคาดว่าแรงขับเคลื่อนตลาดในปี 2567 จะมาจากหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) ซึ่งต่างจากปี 2566 ที่ตลาดได้รับแรงขับเคลื่อนจากหุ้นของ 7 บริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven" หรือ 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงซึ่งได้แก่ไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล อัลฟาเบท อะเมซอน เทสลา เมตา แพลตฟอร์มส์ และอินวิเดีย
  • สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 14.8% สู่ระดับ 1.56 ล้านยูนิตในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ยังทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลง หลังความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงในยูโรโซน
  • ตลาดคาดหวังว่า ธนาคารกลางรายใหญ่ อาทิ เฟด และ ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ด้านนายฟรองซัวส์ วิลเลรอย เดอ กัลเฮา กรรมการ ECB กล่าวว่า จะเห็นอัตราดอกเบี้ยลดลงในปี 2567 ซึ่งยืนยันว่าเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับ 2% อย่างช้าที่สุดภายในปี 2568
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีไว้ที่ใกล้ 0% พร้อมทั้งคงให้คำมั่นว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมโดยไม่ลังเลหากมีความจำเป็น
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก โดยบรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของจีน และจากการที่นักลงทุนไม่ได้ตอบรับผลการประชุมกรอบการทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนมากนัก
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่
  • กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน พ.ย. ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 8.0% ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 6.3% ส่วนยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 10.2% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 3% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ขณะนี้ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในเชิงบวกและตอบรับกับความคิดที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ถ้าพิจารณาจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ข่าวดีจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไป แต่ด้วยจากระดับราคาที่ปรับตัวดีขึ้นก่อนหน้านี้ หากต้องการลงทุนควรกำหนดราคาเข้าออกอย่างชัดเจน

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,557.92 จุด เพิ่มขึ้น 251.90 จุด หรือ +0.68%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,768.37 จุด เพิ่มขึ้น 27.81 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,003.22 จุด เพิ่มขึ้น 98.03 จุด หรือ +0.66%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 477.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.72 จุด หรือ +0.36%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 2,932.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.05%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 11.60 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 2,052.10 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.34% ปิดที่ 73.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,394.90 บวก 1.49 จุด (+0.11%)  Trading Volume: 33,468.11 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.37%) ตามด้วยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (+3.94%) กลุ่มพาณิชย์ (-0.35%) และกลุ่มธนาคาร (-0.05%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,527.65 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • IRS SWAP ปิดปรับแกว่งตัว 1 bp   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 39,642.85 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 28.27 ล้านบาท 
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน