สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
06/10/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.ย. ของสหรัฐในวันนี้ (6 ต.ค.) เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • ช่วงแรกนั้นดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงอย่างหนัก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเพียง 2,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
  • แต่ดัชนีลดช่วงลบในเวลาต่อมา หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง และนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐนิวยอร์กว่า นโยบายการเงินของเฟดอยู่ในระดับที่คุมเข้มแล้ว และเมื่อพิจารณาจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ เฟดอาจไม่จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ (6 ต.ค.) ตามเวลาไทย ประมาณ 19.00 น. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 163,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.ย. จากระดับ 187,000 ตำแหน่ง ในเดือน ส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.8% ในเดือน ส.ค.
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าในภาคสินค้าและบริการของสหรัฐ ลดลง 9.9% สู่ระดับ 5.83 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 63 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้การนำเข้าลดลง 0.7% สู่ระดับ 3.143 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 1.6% สู่ระดับ 2.560 แสนล้านดอลลาร์
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและยูโรโซน ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันลดลง
  • นักลงทุนจะจับตารอดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.5-5.75% ในเดือน พ.ย. หรือไม่ โดยจากเครื่องมือ FedWatch tool ของ CME บ่งชี้ว่า ขณะนี้มีโอกาส 21.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย.
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลง หลังจากพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้จากการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกนาน
  • ราคาน้ำมันที่ลดลงได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบิน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการพุ่งขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซทรงตัว
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ยอดส่งออกเดือน ส.ค. ลดลง 1.2% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับลงเพียง 0.4% ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 0.4% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.5% ในรายงานระบุเพิ่มเติมว่า ยอดส่งออกจากเยอรมนีไปยังประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรป (EU) ลดลง 1.5% ในเดือน ส.ค. และมีแนวโน้มจะอ่อนแอลงอีกในเดือน ก.ย
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเล็กน้อย โดยหุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นลบ ถึงแม้จะมีความพยายามจะรีบาวด์ขึ้นมาบ้าง แต่ว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ปรับตัวลงมาถ่วงตลาดในระดับหนึ่ง หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง นับเป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงการรีบาวด์ของตลาดเมื่อวานนี้

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

เมื่อตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่เปิดเผยออกมาต่ำกว่าคาด สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ถึงแม้ว่าเฟดจะไม่ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่คาดได้ว่าจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานาน ประกอบกับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าในอดีตมาก มองเป็นโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและส่วนต่างราคา (capital gain) ในอนาคต หากสามารถลงทุนตามเป้าหมายระยะกลางถึงยาวได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,119.57 จุด ลดลง 9.98 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,258.19 จุด ลดลง 5.56 จุด หรือ -0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,219.83 จุด ลดลง 16.18 จุด หรือ -0.12%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 441.31 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด หรือ +0.28%
    • ตลาดหุ้นจีนปิดทำการในวันที่ 5 ต.ค. เนื่องในวันชาติ
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 1.91 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,831.80 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,452.55 บวก 1.30 จุด (+0.09%) Trading Volume: 43,119.67 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.73%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.21%) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (+1.22%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,140.46 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 4-7 bps    
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 19,838.18 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,483.48 ล้านบาท   
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี
คลิก:  KFSINCFX* |
KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF 
*IPO: 3 - 16 ตุลาคม 2566
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน