สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
09/06/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง และอาจเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 28,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย
  • เอมิลี โรแลนด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท John Hancock Investment Management กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง และได้ฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดแนวโน้มการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ร่วงลงสู่ระดับ 4.51% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลงจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางรายใหญ่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะที่การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นโวดาโฟนถ่วงหุ้นกลุ่มเทเลคอมลงด้วย
  • โดยหุ้นกลุ่มเทเลคอมร่วงลง 1.1% นำโดยหุ้นโวดาโฟนที่ร่วงลง 5.5% ขณะที่รอยเตอร์รายงานว่า โวดาโฟนและฮัทชิสันกำลังทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายที่จะควบรวมธุรกิจในอังกฤษ และหุ้นโวดาโฟนยังร่วงลงเนื่องจากการขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งผู้ซื้อหุ้นจะไม่ได้รับเงินปันผลที่จะจ่ายงวดล่าสุด
  • เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 1/66 หดตัว 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า หลังจากหดตัว 0.1% ในไตรมาส 4/65 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนหดตัวจากผลของเงินเฟ้อและต้นทุนการกู้ยืมอยู่ในระดับสูง และการใช้จ่ายภาครัฐลดลงหลังรัฐบาลยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกโดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
  • โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ธนาคารรายใหญ่ของรัฐบาลจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสกุลเงินหยวนในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่ออัตรากำไรและลดต้นทุนในการปล่อยเงินกู้ ซึ่งจะช่วยหนุนภาคการเงินและเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
  • สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 1.6% หลังจากการใช้จ่ายในภาคธุรกิจดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว
  • ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
  • SET Index ช่วงเช้าแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยส่วนใหญ่ซื้อขายในแดนบวก หุ้นกลุ่มยานยนต์ได้รับแรงกดดันจากข่าวว่าอีซูซุจะย้ายฐานการผลิตจากไทยไปอินโดนีเซีย ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้บริหารของอีซูซุได้ออกมาปฏิเสธว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ แรงซื้อกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงบ่ายส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง และปิดตลาดที่จุดสูงสุดของวัน ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+2.59%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+1.36%) และกลุ่มพาณิชย์ (+1.90%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,822.83 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

รัฐบาลจีนมีแนวโน้มจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากที่ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้ลดดอกเบี้ยเงินฝาก จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแย่กว่าที่คาด

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,833.61 จุด เพิ่มขึ้น 168.59 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,293.93 จุด เพิ่มขึ้น 26.41 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,238.52 จุด พุ่งขึ้น 133.63 จุด หรือ +1.02%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 460.70 จุด ลดลง 0.10 จุด หรือ -0.02%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,213.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.83 จุด หรือ +0.49%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 20.20 ดอลลาร์ หรือ 1.03 % ปิดที่ 1,978.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,559.50 บวก 26.29 จุด (+1.71%)
      Trading Volume: 59,630.89 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-4 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิด ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-4 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-5 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 4-5 bps
ที่มา  : Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีน A-Shares คลิก: KFACHINA-A | KFACHINSSF | KFACHINRMF
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน