สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
30/04/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทสลาและหุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • บริษัทเทสลาเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้ยกเลิกข้อจำกัดที่มีต่อรถยนต์เทสลา หลังผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยด้านข้อมูลของจีน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะเปิดทางสำหรับการใช้ระบบ Full Self-Driving หรือ FSD ในจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเทสลาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ หนุนหุ้นเทสล่าพุ่งขึ้น
  • บริษัทแอปเปิ้ลได้เริ่มการหารือครั้งใหม่กับโอเพนเอไอ (OpenAI) เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รู้สร้าง (Generative AI) ของโอเพนเอไอ โดยจะมีการรวมฟีเจอร์ของโอเพนเอไอเข้ากับ iOS 18 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ของแอปเปิ้ล ข่าวดังกล่าวทำให้หุ้นแอปเปิ้ลปิดบวก
  • บริษัทโดมิโน่ พิซซ่า เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 3.58 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.39 ดอลลาร์
  • ข้อมูลจาก LSEG (London Stock Exchange Group) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัท 233 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดย 78.1% ของบริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวซึ่งอยู่ที่ 67%
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด ขณะที่หุ้นดอยซ์ แบงก์ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการโพสต์แบงก์
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนลดลงสู่ 95.6 ในเดือน เม.ย. จาก 96.2 ในเดือน มี.ค. ตามการร่วงลงของความเชื่อมั่นของผู้ผลิต
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขานรับรายงานที่ว่า เมืองเฉิงตูของจีนประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมการซื้อบ้าน หลังจากที่เมืองอื่นๆ ของจีนดำเนินการนำร่องไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูอุปสงค์ด้านอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • ตลาดขานรับข่าวการยกเลิกมาตรการควบคุมการซื้อบ้านในเมืองต่างๆ ของจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยรายงานระบุว่าการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 9.5% ในไตรมาส 1/2567 ขณะที่ตัวเลขการเริ่มก่อสร้างใหม่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง 27.8% ในไตรมาส 1/2567
  • ผลกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมของจีนในช่วง 3 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 4.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 10.2% ในช่วง 2 เดือนแรก
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ที่ต่างปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจาก DELTA รายงานผลประกอบการเติบโตน้อยกว่าที่ตลาดคาด
  • กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกของไทยลดลง 10.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน มี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือน ก.พ. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 4.5% ส่วนยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 5.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.6% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าอาจเกินดุล 0.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

มีมุมมองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากนี้จะเคลื่อนไหวตามทิศทาง 2 ปัจจัยใหญ่ คือ
  1. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1 โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ
  2. การดำเนินนโยบายทางการเงินของเฟด ซึ่งต้องคอยติดตามจากความเห็นของคณะกรรมการเฟดและตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะเงินเฟ้อ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 1 - 2 ครั้งในปีนี้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,386.09 จุด เพิ่มขึ้น 146.43 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,116.17 จุด เพิ่มขึ้น 16.21 จุด หรือ +0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,983.08 จุด เพิ่มขึ้น 55.18 จุด หรือ +0.35%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.34 จุด เพิ่มขึ้น 0.36 จุด หรือ +0.07%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,113.04 จุด เพิ่มขึ้น 24.41 จุด หรือ +0.79%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 2,357.70 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.45% ปิดที่ 82.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,361.97 บวก 2.03 จุด (+0.15%) Trading Volume: 36,442.77 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.35%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.34%) และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (+0.54%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 556.83 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1 bp
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 57,294.26 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,226.21 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน