สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
02/05/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกลบสลับกันไป โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ดี การร่วงลงของหุ้นบริษัทผลิตชิปได้ฉุดดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25 - 5.50% หลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดได้เน้นย้ำถึงความกังวลว่าข้อมูลที่มีการเปิดเผยนับตั้งแต่ต้นปี 2567 นั้น ไม่ได้ทำให้เฟดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
  • นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า แม้ว่าเฟดยังคงมุ่งเน้นในเรื่องการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11 - 12 มิ.ย.
  • นายพาวเวลยังกล่าวอีกว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โดยเขาระบุถึงข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลงแตะระดับระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี
  • นายไรอัน เดทริก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของบริษัท Carson Group กล่าวว่า "พาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณที่แข็งกร้าว แม้เขารู้ว่าเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหา แต่เขายังคงมีมุมมองเป็นบวกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า และสิ่งที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดคือการที่เขาส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป"
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.6% หลังการแถลงข่าวของนายพาวเวล ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลของนักลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนกังวลว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 5% และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
  • สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 325,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.488 ล้านตำแหน่งในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564
  • London Stock Exchange Group (LSEG) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัท 310 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดย 77% ของบริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด
  • เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 1/2567 ขยายตัว 0.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากในไตรมาส 4/2566 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.1% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจขยายตัว 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า และขยายตัว 0.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซน ในเบื้องต้นเพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. ตามคาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงสู่เพิ่มขึ้น 2.7% จาก 2.9% ในเดือนก่อนหน้า
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.8% จากเดือนก่อนหน้า แต่ลดลง 6.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน มี.ค. ในขณะที่ยอดค้าปลีกลดลง 1.2% จากเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน มี.ค.
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนที่จัดทำโดยทางการ ลดลงสู่ 50.4 ในเดือน เม.ย. จาก 50.8 ในเดือน มี.ค. และ PMI นอกภาคการผลิตที่จัดทำโดยทางการลดลงสู่ 51.2 จาก 53.0 บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ในขณะที่ PMI ภาคการผลิตที่จัดทำโดยไฉซินเพิ่มขึ้นสู่ 51.4 จาก 51.1 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว
  • ตลาดหุ้นไทยวันที่ 30 เม.ย. แกว่งตัวในกรอบแคบๆ แดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้น จากแรงซื้อกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจทรงตัวที่ระดับสูงยาวนานกว่าที่ประเมินไว้  ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ 
  • ธปท. รายงานเศรษฐกิจไทยในเดือน มี.ค. ชะลอตัวลง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวชะลอลงหลังจากเร่งตัวไปในช่วงก่อนหน้า ในขณะที่ภาคการผลิตและการส่งออกยังคงอ่อนแอ เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกอ่อนแอ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากการที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่คาดการณ์ อีกทั้งยังส่งสัญญานไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยดังกล่าวน่าจะลดความกังวลให้กับตลาด แต่อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อยังคงขาดความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายที่ 2% ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวอาจจจะกลับมาสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นเป็นระยะๆ

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,903.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.37 จุด หรือ +0.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,018.39 จุด ลดลง 17.30 จุด หรือ -0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,605.48 จุด ลดลง 52.34 จุด หรือ -0.33%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 504.32 จุด ลดลง 0.58 จุด หรือ -0.11%
    • ตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 8.10 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,311.00 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 3.58% ปิดที่ 79.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,367.95 บวก 5.98 จุด (+0.44%) Trading Volume: 44,917.29 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.19%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.32%) และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (+2.00%)  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 975.44 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,326.20 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,553.21 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน