สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
09/04/2567

ปัจจัยสำคัญ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกลบสลับกันไป โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมทั้งรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 เม.ย.)
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่งในเดือน มี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 205,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
  • แซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้ตลาดเริ่มกังวลว่าเฟดอาจจะชะลอเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยคือเดือน ก.ค. จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะเป็นเดือน มิ.ย.
  • นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาเปิดเผยว่า แท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ของเทสลามีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 8 ส.ค.นี้ หนุนหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หลังเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง แม้การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ (11 เม.ย.)
  • ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว และจะมองหาสัญญาณบ่งชี้ใด ๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดดอกเบี้ยลงครั้งแรก 0.25% ในเดือน มิ.ย.
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ หลังตลาดกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังเทศกาลเชงเม้ง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากสหรัฐ
  • หุ้นจีนซบเซาลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกำลังพิจารณาช่วงเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวขึ้นมากเกินคาดในเดือน มี.ค. ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินทั้งก่อนและหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน
  • ตลาดหุ้นไทยวันที่ 5 เม.ย. แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยเปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงแรงในวันก่อนหน้า ตอบรับความเห็นเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านที่แสดงความกังวลว่าเงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้น และส่งผลให้เฟดลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดในปีนี้ อย่างไรก็ดี แรงซื้อหุ้นกลุ่มหลักส่งผลให้ดัชนีพลิกกลับมาแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แดนบวก  ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐที่จะรายงานในคืนวันศุกร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางดอกเบี้ยของเฟด
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.47% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน มี.ค. หลังจากลดลง 0.77% ในเดือน ก.พ. และเทียบกับที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 0.40% โดยอัตราเงินเฟ้อลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากราคาเนื้อสัตว์และผักสดลดลง และผลจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.43% จากเดือนก่อนหน้า เทียบกับที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.40%

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ให้จับตาดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อนี้อาจจะกำหนดทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐในระยะถัดไป ซึ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างร้อนแรง

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,892.80 จุด ลดลง 11.24 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,202.39 จุด ลดลง 1.95 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,253.96 จุด เพิ่มขึ้น 5.44 จุด หรือ +0.03%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.93 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด หรือ +0.47%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,047.05 จุด ลดลง 22.24 จุด หรือ -0.72%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ +0.24% ปิดที่ 2,351.00 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 86.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,375.58 บวก 1.69 จุด (+0.12%) Trading Volume: 26,897.11 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.05%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (+0.20%) และกลุ่มธนาคาร (+0.30%)  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,269.59 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 21,686 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 613 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน