สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
03/05/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง โดยตลาดถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐ รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ และความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
  • นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า ภาคธนาคารของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเปราะบางมากขึ้น แม้เจพีมอร์แกนซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เข้าซื้อกิจการ FRB
  • นางกอร์เกียร์วากล่าวในที่ประชุม "2023 Milken Institute Global Conference" ที่รัฐแคลิฟอร์เนียว่า "การเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำไปเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้น ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาคธนาคารอ่อนแอลง และคาดว่าผลกระทบนั้นยังไม่หมดสิ้น การที่เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการ FRB ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีบัตรผ่านเสมอไป และไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เผชิญกับภาวะเปราะบางเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต"
  • ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย. ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ของตลาดที่ว่าเฟดจะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังผ่านพ้นการประชุมในเดือน พ.ค. ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
  • ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตายในวันดังกล่าว ทั้งนี้การคาดการณ์ของนางเยลเลนเกี่ยวกับกำหนดเส้นตายของการผิดนัดชำระหนี้นั้น เร็วกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ โดยโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ล่าสุดว่ารัฐบาลสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงปลายเดือน ก.ค.
  • บริษัทไฟเซอร์ ประกาศผลประกอบการ โดยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2566 ซึ่งอยู่ที่ 1.23 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.97 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่ตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์
  • ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 47.1 ในเดือน เม.ย. จาก 46.3 ในเดือน มี.ค. ทางด้านตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่อยู่ที่ 9.59 ล้านตำแหน่งในเดือน มี.ค. ลดลงจาก 9.974 ล้านตำแหน่งในเดือน ก.พ. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจอยู่ที่ 9.775 ล้านตำแหน่ง
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง และนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีกทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า ธนาคารในยูโรโซนปล่อยกู้น้อยลง และเงินเฟ้อลดลงนั้น สนับสนุนคาดการณ์ที่ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซนในเบื้องต้นเพิ่มขึ้น 7.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. ตามคาด หลังจากเพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือน มี.ค. ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. ชะลอลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.7% ในเดือน มี.ค. ทางด้านยอดค้าปลีกของเยอรมนีลดลง 2.4% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน มี.ค. หลังจากลดลง 0.3% ในเดือน ก.พ. และผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.4%
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งตัวผันผวน โดยช่วงเช้าปรับตัวขึ้นกว่า 6 จุด แต่ปรับร่วงลงกว่า 11 จุดในช่วงบ่าย ก่อนที่จะฟื้นตัวปิดปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวสูงขึ้น

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

มีมุมมองว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในรอบการประชุมครั้งนี้ แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือถ้อยแถลงมุมมองของเฟดต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ ซึ่งถ้าส่งสัญญาณว่าเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายก็น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้น ด้านเรื่องเพดานหนี้สหรัฐ คาดการณ์ว่าเป็นเรื่องของการเจรจาต่อรอง และก่อนที่จะตกลงกันได้อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,684.53 จุด ร่วงลง 367.17 จุด หรือ -1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,119.58 จุด ลดลง 48.29 จุด หรือ -1.16%, และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,080.51 จุด ลดลง 132.09 จุด หรือ -1.08%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 461.08 จุด ลดลง 5.81 จุด หรือ -1.24% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.
    • ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวานนี้ (2 พ.ค.) เนื่องในวันแรงงาน
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงลง 4 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 71.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 31.10 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 2,023.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 2566
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,528.43 ลบ 0.69 จุด (-0.05%) Trading Volume: 39,984.27 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.13%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.49%) และกลุ่มพาณิชย์ (-0.05%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,486.64 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดแกว่งตัว 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1 bp
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 54,129.55 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 13,806.43 ล้านบาท
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน