เกี่ยวกับ FATCA

ผลกระทบของ FATCA ต่อบริษัทจัดการ และผู้ถือหน่วยลงทุน
บริษัทจัดการ
  • ต้องพิจารณาดำเนินการลงทะเบียนเข้าร่วม FATCA กับกรมสรรพากรสหรัฐฯ ภายในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557
  • ต้องดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายทั้งที่เป็นลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการรายงานไปยังกรมสรรพากรสหรัฐฯ โดยจะส่งข้อมูลของผู้ถือหน่วยลงทุนที่เข้าข่ายเป็นพลเมืองสหรัฐฯ (รวมถึงข้อมูลของผู้ถือหน่วยลงทุนที่ไม่ปฎิบัติตามกฎของ FATCA (Recalcitrant Account holders) เป็นต้น หรือข้อมูลของผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีลักษณะอื่นใดตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ต้องรายงานตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของสหรัฐอเมริกา จำนวนและมูลค่าหน่วยลงทุนคงเหลือ จำนวนเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนหรือเงินปันผลที่ได้รับ เป็นต้น
ผู้ถือหน่วยลงทุน
  • ได้รับการร้องขอให้นำส่งข้อมูล เอกสาร และ/หรือคำยินยอม เพิ่มเติม เพื่อยืนยันหรือพิสูจน์ทราบความเกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น หนังสือแสดงการเสียสิทธิในสัญชาติอเมริกันหรือการให้ข้อมูลตามหัวข้อที่กำหนดไว้ในแบบฟอร์มของหน่วยงานสรรพากรของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือการแจ้งปรับปรุงข้อมูลเมื่อข้อมูลที่เคยให้ไว้มีการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
  • ต้องยินยอมให้บริษัทจัดการเปิดเผยข้อมูลของผู้ถือหน่วยลงทุนที่เข้าข่ายเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือบุคคลที่เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนด ต่อกรมสรรพากรสหรัฐฯได้
กรณีที่เปิดบัญชีใหม่ เอกสารที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะต้องจัดเตรียมตามข้อกำหนดของ FATCA ได้แก่
กรณีบุคคลธรรมดา
  1. แบบฟอร์ม FATCA
  2. แบบฟอร์ม W-9 (สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ)
  3. แบบฟอร์ม W-8BEN (สำหรับผ้ถือหน่วยลงทุนที่มีข้อบ่งชี้ว่าอาจเข้าข่ายเป็นพลเมืองสหรัฐฯ แต่ยืนยันตนว่ามิใช่พลเมืองสหรัฐฯ) พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการยืนยันตน
ทั้งนี้ บริษัทจัดการอาจขอให้ลูกค้าส่งเอกสาร หรือหลักฐาน ประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการยืนยันตน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป
กรณีนิติบุคคล
กรมสรรพากรสหรัฐฯ เลื่อนกำหนดการออกไปอีก 6 เดือน จึงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2558

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน