สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
27/03/2567

ปัจจัยสำคัญ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบทั้ง 3 ดัชนี เป็นการติดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากหุ้นใหญ่อย่างเมตา (META) แอปเปิล (AAPL) และอัลฟาเบท (GOOG) ปิดลบจากประเด็นโดนสอบสวนเรื่องการผูกขาดตลาด จากสหภาพยุโรปภายใต้กฎหมายควบคุมตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Act หรือ DMA) นอกจากนี้ยังมีแรงขายเข้ามาในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ โดยที่ อินวีเดีย (NVDA) ปรับตัวลง 2.57%, บรอดคอม (AVGO) ปรับตัวลง 1.49%
  • สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ออกมาผสมผสาน ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น, ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้น แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตและการเลือกตั้ง ทั้งนี้นักลงทุนกำลังจับตาไปที่ตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) ที่จะรายงานในวันศุกร์ (29 มี.ค.)
  • ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 60% ที่ธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ดัชนี STOXX 600 มีแนวโน้มปิดบวกเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลาง และกระแสความนิยมในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei ปิดลดลงเล็กน้อย จากแรงขายทำกำไร และแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้จะมีแรงซื้อเก็งกำไร และแรงซื้อเพื่อให้ได้สิทธิรับเงินปันผลเข้ามาพยุงตลาด โดยหุ้นกลุ่มขนส่ง น้ำมัน และถ่านหินปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มประกัน เครื่องจักร ยานยนต์ เภสัชภัณฑ์ และอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • ตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite ปิดบวกเล็กน้อย โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการอ่อนค่าของเงินหยวน ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของรัฐบาลจีนเพื่อประเมินว่าจะมีการใช้นโยบายฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์หรือไม่
  • ตลาดหุ้นไทย SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลังกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.6% ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด และตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนแรกยังเป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ตลาดน่าจะจับตาไปที่การประกาศใช้งบประมาณปี 2567 ของไทยต่อไป

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยสำคัญใหม่เข้ามากระทบ ตลาดหุ้นแต่ละแห่งเคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างกันตามปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละที่ โดยตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในภาพรวม ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นยุโรปก็ยังขึ้นทำ All Time High อย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

สำหรับช่วงนี้ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังยืนเหนือ 4.20% เรามองว่าเป็นจุดที่คุ้มค่าในการลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วโลก 

สำหรับตลาดหุ้นที่น่าสนใจ คือ ตลาดหุ้นอินเดียที่ยังค่อนข้างปรับตัวขึ้นน้อยในปีนี้ จากปัจจัยกดดันเรื่องเงินเฟ้อที่กลับมาปรับตัวขึ้นซึ่งหลักๆ มาจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น แต่เรามองเป็นจังหวะทยอยลงทุนที่น่าสนใจ
 

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,282.33 จุด ลดลง 31.31 จุด หรือ -0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,203.58 จุด ลดลง 14.61 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,315.70 จุด ลดลง 68.77 จุด หรือ -0.42%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 511.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด หรือ +0.24%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 40,398.03 จุด ลดลง 16.09 จุด หรือ -0.04%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,031.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.18 จุด หรือ +0.17%
    • ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 72,470.30 ลบ 361.64 จุด หรือ 0.50%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI มอบเดือน พ.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 81.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 2,177.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,377.23 บวก 4.74 จุด (+0.35%) Trading Volume: 41,030.27 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
      โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.21%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.60%) และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (+1.12%)  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,428.61 ล้านบาท 
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1 bp แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • IRS SWAP ปิดปรับลง 1-2 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 35,620.71 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 463.47 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน