สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
26/03/2567

ปัจจัยสำคัญ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบทั้ง 3 ดัชนีหลัก ทำให้ปิดลบลงติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นจากการที่คณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความเห็นที่เข้มงวดต่ออัตราดอกเบี้ย โดยที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวว่า หากเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด เฟดสามารถใช้ความอดทนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในปีนี้
  • หุ้นอินเทล (INTC) และ แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (AMD) ปรับตัวลงหลังมีข่าวว่าจีนกำลังดำเนินนโยบายเลิกใช้ชิปจากสหรัฐฯ ในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาล
  • หุ้นเมตา (META) แอปเปิล (AAPL) และอัลฟาเบท (GOOG) ปรับตัวลดลงหลังมีข่าวการสอบสวนจากสหภาพยุโรปภายใต้กฎหมายควบคุมตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Act หรือ DMA) โดยหากพบว่าบริษัทใดละเมิดกฎหมาย DMA ก็จะถูกปรับในวงเงินสูงสุด 10% ของรายได้ทั่วโลก และหากพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำ บริษัทก็จะถูกปรับเพิ่มเป็น 20% ของรายได้ทั่วโลก
  • ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสำคัญๆ ได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ทั้งนี้โกลด์แมน แซคส์คาดดัชนี STOXX 600 จะแตะ 540 จุดสิ้นปีนี้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปรับลดดอกเบี้ย
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei ปิดร่วงเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) หลังจากปิดบวกต่อเนื่อง 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังดัชนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 41,000 จุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับความกังวลจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดลบเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) ที่ผ่านมา
  • ตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite ปิดลบตามตลาดหุ้นเอเชียอื่น โดยปัจจัยกดดันยังมาจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยล่าสุดทางการจีนประกาศแนวทางเพื่อหยุดการใช้ชิปประมวลผลจาก INTEL และ AMD ของสหรัฐฯ รวมถึงระบบปฏิบัติการวินโดว์สของ Microsoft ในคอมพิวเตอร์และระบบเซิร์ฟเวอร์ของราชการในจีน
  • ตลาดหุ้นไทย SET ปิดลบ 8.55 จุด ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากดดันตลาดหุ้นเอเชีย นอกจากนี้การแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีประเด็นใหม่ และตลาดมองว่ามีความล่าช้ากว่าเดิม ขณะที่การขยายเวลาซื้อขายช่วงบ่ายไม่ส่งผลมากนัก

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

หลังผ่านพ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) และการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ไปแล้ว ช่วงนี้ตลาดอาจขาดปัจจัยหนุนใหม่ ประกอบกับที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง จึงมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยที่เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ตลาดหุ้นปรับตัวลงเกือบทั้งโลกไม่ว่าจะเป็นเอเชียและสหรัฐฯ ในขณะที่ยุโรปพอทรงตัวได้

ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น GDP ไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯ ซึ่งจะทบทวนและรายงานเป็นครั้งสุดท้าย และอัตราเงินเฟ้อ (Core PCE) จะรายงานช่วงปลายสัปดาห์นี้ ทำให้ระหว่างสัปดาห์ตลาดน่าจะให้ความสำคัญไปที่เรื่องภูมิรัฐศาสตร์ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ

นักลงทุนอาจใช้จังหวะที่ Bond Yield ปรับตัวขึ้น ถึงแม้ว่าเฟดจะคงการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ เข้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกเพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนจากตราสารหนี้ในระดับสูง
 

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,313.64 จุด ลดลง 162.26 จุด หรือ -0.41%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,218.19 จุด ลดลง 15.99 จุด หรือ -0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,384.47 จุด ลดลง 44.35 จุด หรือ -0.27%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 509.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.04%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 40,414.12 จุด ลดลง 474.31 จุด ลดลง -1.16%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,026.31 จุด ลดลง 21.73 จุด หรือ -0.71%
    • ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดทำการเนื่องในเทศกาล Holi หรือเทศกาลสาดสีของอินเดีย
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 81.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2176.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,372.49 ลบ 8.55 จุด (-0.62%) Trading Volume: 41,060.71 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
      โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.85%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.65%) กลุ่มการแพทย์ (-0.93%) และกลุ่มไอซีที (-0.93%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,056.84 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลง 1-2 bps    
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 18,163.57 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,879.50 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน