สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
18/10/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกลบผสมผสาน โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และราคาหุ้นบริษัทผลิตชิปร่วงลงหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศแผนระงับการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทันสมัยให้กับจีน
  • ในช่วงแรกตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก่อนที่ตลาดจะอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.8%
  • แบงค์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 90 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 82 เซนต์ ด้านโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 5.47 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.31 ดอลลาร์ และบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 2.66 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.52 ดอลลาร์
  • คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนระงับการส่งออกชิป AI ที่ผลิตโดยบริษัทอินวิเดียและบริษัทอื่นๆ ให้กับจีน เพื่อขัดขวางไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยของสหรัฐ เพราะกังวลว่าจีนอาจจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนากองทัพ
  • ยอดค้าปลีกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน ส.ค. และสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.3% ทางด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ก.ย. หลังจากทรงตัวในเดือน ส.ค.
  • สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลง 4 จุด สู่ระดับ 40 ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.
  • ตลาดให้น้ำหนัก 37.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือน ธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ให้น้ำหนักเพียง 25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังตัวเลขยอดค้าปลีกออกมาดีกว่าคาดการณ์
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งบดบังแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ตาม โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐจะเดินทางไปเยือนอิสราเอลในวันพุธนี้ (18 ต.ค.) เพื่อแสดงการสนับสนุนต่อการทำสงครามของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
  • บริษัท อีริคสันของสวีเดนร่วง เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ต่ำกว่าคาด และบริษัทบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของธุรกิจเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 2.3 ในเดือน ต.ค. จาก -8.9 ในเดือน ก.ย. และดีกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจอยู่ที่ -8.0 เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ  
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากบริษัทจีนหลายแห่งประกาศแผนการซื้อหุ้นคืน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในวันนี้
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้น ฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงแรงในวันก่อนหน้า ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคที่ต่างฟื้นตัวเช่นกัน หลังมีความพยายามทางการฑูตในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาขยายตัวเป็นวงกว้าง

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ปัญหาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ถือว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตาม เพราะถ้าหากบานปลายมากขึ้นอาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและอาจกดดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลไม่ดีต่อตลาดหุ้นหลายๆ ที่ทั่วโลก

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,997.65 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ + 0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,373.20 จุด ลดลง 0.43 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,533.75 จุด ลดลง 34.24 จุด หรือ -0.25%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 449.76 จุด ลดลง 0.44 จุด หรือ -0.10%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,083.50 จุด เพิ่มขึ้น 9.68 จุด หรือ +0.32%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ 86.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ที่ 16 ต.ค.
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 1,935.70 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,433.40 บวก 6.29 จุด (+0.44%)  Trading Volume: 38,504.36 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.17%) ตามด้วยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (+1.14%) กลุ่มธนาคาร (+0.02%) และกลุ่มขนส่ง (+1.93%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 841.25 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-4 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-3 bps  
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 66,732.83 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,474.09 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน