สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
15/02/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้น หลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันอังคาร (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) รวมทั้งหุ้นอูเบอร์ (Uber) และหุ้นลิฟต์ (Lyft) ซึ่งเป็นสองผู้ให้บริการเรียกรถโดยสาร
  • มาร์เก็ตแคปของอินวิเดียพุ่งแซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่างอัลฟาเบทและอะเมซอน นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งผลิตโดยอินวิเดียนั้นเป็นที่ต้องการอย่างมาก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของอินวิเดียในวันที่ 21 ก.พ.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายรายปีของอินวิเดียจะขยายตัวแข็งแกร่งถึง 118% สู่ระดับ 5.904 หมื่นล้านดอลลาร์
  • บริษัท อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ เปิดเผยโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการประกาศโครงการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อูเบอร์ได้เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2566 บริษัท ลิฟต์ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของอูเบอร์ เปิดเผยกำไรที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2566 ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ของเฟดเป็นเดือน มิ.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือน พ.ค. หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาดในเดือน ม.ค.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดของอังกฤษได้เพิ่มความหวังว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหราชอาณาจักรลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ม.ค. เทียบกับที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน    
  • เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4/66 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.1% จากไตรมาส 4/65 ซึ่งเท่ากับตัวเลขที่รายงานในเบื้องต้น ทางด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 2.6% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 4.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
  • บริษัท โคคา-โคลา เอชบีซี รายงานผลกำไรรายปีสูงเป็นประวัติการณ์ และบริษัท แคปเจมิไน ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีของฝรั่งเศส เปิดเผยรายได้รายไตรมาสสูงกว่าคาด
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวลดลง ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงกว่าที่คาด ส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

แรงหนุนจากกำไรของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี และการคาดการณ์กำไรในอนาคตของหุ้นกลุ่มนี้ยังคงเป็นเครื่องจักรสำคัญที่ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตลาดเริ่มซึมซับกับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเลื่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นเดือน มิ.ย. แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขเงิอเฟ้อและตัวเลขด้านแรงงานที่จะประกาศออกมาในอนาคต

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,424.27 จุด เพิ่มขึ้น 151.52 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,000.62 จุด เพิ่มขึ้น 47.45 จุด หรือ +0.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,859.15 จุด เพิ่มขึ้น 203.55 จุด หรือ +1.30%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 485.24 จุด เพิ่มขึ้น 2.41 จุด หรือ +0.50%
    • ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 2.90 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 2,004.30 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 76.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,385.11 ลบ 6.62 จุด (-0.48%)  Trading Volume: 36,773.49 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.72%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.23%) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (-3.72%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,700.51 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-5 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดแกว่งตัว 1-3 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-4 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-5 bps      
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 8,557.94 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,079.24 ล้านบาท     
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน