ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดสหรัฐปิดแบบผสมผสานโดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ล หลังมีรายงานเกี่ยวกับการควบคุมการใช้โทรศัพท์ iPhone ในจีน
• นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ลดลงจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือน ก.พ. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 234,000 ราย
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเนื่องจากหุ้นกลุ่มผลิตชิปร่วงลงจากรายงานที่ว่า จีนได้เพิ่มการควบคุมการใช้โทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิ้ลของเจ้าหน้าที่รัฐบาล และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะ
• หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิ้ลร่วง 4.1% ขณะที่หุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์ นอร์ดิก เซมิคอนดักเตอร์ เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล อินฟินีออน และเอเอสเอ็มแอล ร่วงลง 2.6 - 6.3% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.0% โดยปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
• สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือน ส.ค.ของจีนลดลง 8.8% แตะระดับ 2.849 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศชะลอตัวลง
• ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3% ในเดือน ส.ค. สู่ระดับ 2.165 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 6.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 8.06 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค.
• บริษัทวิจัย BMI รายงานว่า ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมีแนวโน้มจะใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2570 เนื่องจากจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงสูงนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นรองแค่เพียงสหรัฐและจีนเท่านั้นละ
• SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยส่วนใหญ่ซื้อขายในแดนบวกและปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวลดลง หลังจีนรายงานยอดส่งออกยังคงหดตัว ส่งผลให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวมากกว่าที่คาด

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,500.73 จุด เพิ่มขึ้น 57.54 จุด หรือ +0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,451.14 จุด ลดลง 14.34 จุด หรือ -0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,748.83 จุด ลดลง 123.64 จุด หรือ -0.89%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 453.67 จุด ลดลง 0.63 จุด หรือ -0.14%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,122.35 จุด ลดลง 35.72 จุด หรือ -1.13%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 86.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,942.50 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,550.36 บวก 1.58 จุด (+0.10%)
    Trading Volume: 39,039.93 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.09%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.71%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.39%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 850.16 ล้านบาท
  • สถิติการซื้อขาย: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 2-5 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 2-5 bps
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-5 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-4 bps
    • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-2 bps

• ตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี คลิก: KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF
• หุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF