สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
22/03/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันวันที่ 2 เนื่องจากตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคาร ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
  • โอลิเวอร์ เพิร์ช นักวิเคราะห์จากบริษัท Wealthspire Advisors ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารเริ่มบรรเทาลง ภายหลังจากภาครัฐและภาคเอกชนได้พร้อมใจกันแสดงศักยภาพในการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินที่อ่อนแอ
  • หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน จะเป็นผู้นำการเจรจาร่วมกับผู้บริหารของธนาคารขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ เกี่ยวกับมาตรการครั้งใหม่ในการสร้างเสถียรภาพให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank - FRB) โดยอาจมีการแปลงเงินฝาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ให้เป็นการเพิ่มทุนในธนาคาร FRB
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังศึกษาแนวทางในการทำให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) สามารถคุ้มครองเงินฝากได้ทั้ง 100% จากปัจจุบันที่ให้การคุ้มครองไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า ระบบธนาคารของสหรัฐมีเสถียรภาพหลังจากทางการสหรัฐออกมาตรการคลี่คลายวิกฤตสภาพคล่อง และรัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการมากขึ้นหากพบว่าวิกฤตการณ์ลุกลามออกไป
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.9% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 15.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย
  • ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเพิ่มขึ้น 14.5% จากเดือนก่อนหน้า สู่ 4.58 ล้านยูนิตต่อปีในเดือน ก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 5% สู่ 4.2 ล้านยูนิต
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 1/2566
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ในวันอังคาร โดยหุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดฟื้นตัวขึ้น หลังจากมีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับภาคธนาคาร ขณะที่นักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนร่วงลงสู่ 10.0 ในเดือน มี.ค. จาก 29.7 ในเดือน ก.พ. โดยเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาความวุ่นวายในภาคธนาคาร
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารทั่วโลก ด้านทางการเมืองนักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหว หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเดินทางเยือนรัสเซีย รายงานล่าสุดระบุว่า ผู้นำจีนและรัสเซียจะหารือกันเกี่ยวกับข้อเสนอของปธน.สี ในการยุติความขัดแย้งในยูเครน แต่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเตือนประชาคมโลกว่า อย่าหลงเชื่อรัสเซียและจีนเกี่ยวกับประเด็นสงครามยูเครน
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก โดยได้แรงหนุนจากความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศ หลัง กกต. กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พ.ค. นี้ รวมถึงได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรป

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทหลังจากการเปิดเมือง และตลาดเริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังจาก Goldman Sachs ได้ทำการปรับคาดการณ์ GDP จีนเพิ่มขึ้นจาก 5.5% เป็น 6%

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,560.60 จุด พุ่งขึ้น 316.02 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,002.87 จุด เพิ่มขึ้น 51.30 จุด หรือ +1.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,860.11 จุด เพิ่มขึ้น 184.57 จุด หรือ +1.58%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 446.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.87 จุด หรือ +1.33%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,255.65 จุด เพิ่มขึ้น 20.74 จุด หรือ +0.64%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 69.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 41.70 ดอลลาร์ หรือ 2.10% ปิดที่ระดับ 1,941.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,577.18 บวก 21.73 จุด (+1.40%) Trading Volume: 53,355.27 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+2.34%) ตามด้วยกลุ่มไอซีที (+2.61%) กลุ่มพาณิชย์ (+1.55%) และกลุ่มธนาคาร (+0.96%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,187.04 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 2-4 bps
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 50,547.19 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,830.65 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน