สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
19/04/2567

ปัจจัยสำคัญ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวลงต่อเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลกลับมาปรับตัวขึ้น จากความเห็นของเหล่ากรรมการธนาคารกลาง (เฟด) ที่มีแนวโน้มเข้มงวด โดยที่บางท่านกล่าวว่า เฟดอาจคงดอกเบี้ยไว้ทั้งปี รวมถึงยังไม่ปิดประตูการขึ้นดอกเบี้ยต่อหากข้อมูลใหม่ที่เข้ามาบ่งชี้ไปในทิศทางนั้น โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นกลุ่มที่ฉุดตลาดลงต่อ แม้ว่า บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) จะรายงานผลประกอบการโดยภาพรวมออกมาดี แต่ตลาดตอบรับกับตำหนิที่มองเห็น เช่น ตลาดสมาร์ทโฟนยังลดลงอยู่ มาร์จิ้นที่ลดลงจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ยอดขายในจีนปรับตัวลดลงมาก เป็นต้น
  • ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 กลับมาปิดบวก แรงหนุนมาจากการรายงานผลประกอบการที่ออกมาดีของหุ้นในแต่ละกลุ่ม โดยกลุ่มอุตสาหกรรม ได้หุ้นเอบีบี (ABB) ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมของสวิตเซอร์แลนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง กลุ่มสื่อสาร ได้หุ้น Tele2 ของสวีเดนซึ่งพุ่งขึ้น 6.7% และกลุ่มธนาคาร ได้หุ้น Bankinter ซึ่งพุ่งขึ้น 5.3% เนื่องจากธนาคารแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้จากการปล่อยกู้หลังเปิดเผยผลประกอบการแข็งแกร่งในไตรมาสแรก
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei กลับมาปิดบวก หลังจากร่วงมาต่อเนื่องหลายวัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นหลังจาก บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) รายงานผลประกอบการมีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบปี
  • ตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite ปรับตัวขึ้นต่อเล็กน้อย นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยปัจจัยหนุนมาจากธนาคารยูบีเอส (UBS) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2567 จากระดับ 4.6% เป็น 4.9% เนื่องจากเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกค่อนข้างดีและมีแนวโน้มการส่งออกที่แข็งแกร่งขึ้น
  • ตลาดหุ้นไทย SET ปรับตัวลงแรงระหว่างวัน แต่รีบาวด์กลับมาลดช่วงลบได้พอสมควร ปัจจัยหลักมาจากการร่วงลงของกลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันที่ย่อตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

  • ตลาดยังอยู่ภายใต้บรรยากาศเดิม คือ Bond Yield ที่สูงจากมุมมองว่าดอกเบี้ยอาจลดลงช้ากว่าที่มองกันไว้ รวมถึงต้องคอยลุ้นผลประกอบการหุ้นสำคัญให้ออกมาดี เพื่อให้ตลาดหุ้นมีแรงซื้อกลับหลังจากปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา และแม้ว่างบของ TSMC บริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่จะรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด แต่ตลาดเลือกหยิบประเด็นที่เป็นข้อตำหนิของงบแทน เช่น ตลาดสมาร์ทโฟนยังลดลงอยู่  มาร์จิ้นที่ลดลงจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ยอดขายในจีนปรับตัวลดลงมาก สะท้อนอาการดื้อข่าวดี แต่อย่างไรก็ตาม เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหุ้นทั่วโลกในยามที่ปรับตัวลง แต่ผลประกอบการยังสนับสนุนอยู่
  • Bond Yield ที่ยังอยู่ในระดับสูง จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนเพิ่มในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก โดยแนะนำกองทุน KFTRB-A เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับนักลงทุนที่เปิดรับความเสี่ยงได้สูงกว่า KF-CSINCOM เนื่องจาก KFTRB-A มีการถือครอง Duration (อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้) ที่มากกว่าทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าหาก Bond Yield ปรับตัวลง แต่ในทางกลับกันความเสี่ยงเชิงลบก็จะมากกว่าหาก Bond Yield ปรับตัวขึ้น

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,775.38 จุด เพิ่มขึ้น 22.07 จุด หรือ +0.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,011.12 จุด ลดลง 11.09 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,601.50 จุด ลดลง 81.87 จุด หรือ -0.52%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 499.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.18 จุด หรือ +0.24%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 38,079.70 จุด เพิ่มขึ้น 117.90 จุด หรือ +0.31%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,074.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.09%
    • ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดที่ 72,488.99 ลบ 454.69 จุด หรือ 0.62%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 82.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ 2,398.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,361.02 ลบ 5.92 จุด (-0.43%) Trading Volume: 53,907.55 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-1.84%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.20%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.13%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 340.60 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-6 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-6 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 2-6 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-7 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 2-6 bps
      • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 25,598.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,978.09 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน