สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
14/11/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกลบสลับกันไป ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในวันนี้ (14 พ.ย.) เพื่อประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเท่าใด
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในวันนี้ (14 พ.ย.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย. ที่ปรับตัวขึ้น 3.7% และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.ย.
  • แมตต์ สตักกี นักวิเคราะห์จากบริษัท Northwestern Mutual Wealth Management กล่าวว่า ดัชนี CPI และข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด เนื่องจากจะเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด โดยแม้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่การคาดการณ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่อเงินเฟ้อส่งสัญญาณถึงความคืบหน้าตามเป้าหมายของเฟด ควบคู่ไปกับตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 86% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมวันที่ 12 - 13 ธ.ค.
  • ตลาดจับตาสภาคองเกรสสหรัฐซึ่งกำลังเร่งผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดดำเนินงานหรือชัตดาวน์ ได้ทันกำหนดเส้นตายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. นี้ โดยนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้นำเสนอร่างงบประมาณการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ แต่ไม่รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือยูเครนและอิสราเอล
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขณะที่นักลงทุนรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ เพื่อบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่
  • ตลาดมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐและยูโรโซนในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสัปดาห์นี้ในการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่ซานฟรานซิสโก
  • ดัชนีราคาผู้ผลิตของญี่ปุ่นลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 0.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ต.ค. หลังจากลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ก.ย.
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่ารัฐบาลจีนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในสัปดาห์นี้
  • ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของภาคธนาคารจีนอยู่ที่ 7.381 แสนล้านหยวนในเดือน ต.ค. เทียบกับ 2.31 ล้านล้านหยวนในเดือน ก.ย. โดยเป็นเรื่องปกติที่ยอดปล่อยกู้ลดลงในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยทางฤดูกาล
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนมีกำหนดเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. ยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. อัตราว่างงานเดือน ต.ค. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือน ต.ค. ในวันพุธที่ 15 พ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางจีนในสัปดาห์นี้
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย สวนทางกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกลับมาคาดว่าเฟดอาจยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

นักลงทุนในตลาดกำลังจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ใกล้จะประกาศในคืนวันนี้ (14 พ.ย.) หากออกมาไม่สร้างความประหลาดใจหรือเป็นไปตามที่คาดการณ์ น่าจะส่งผลดีให้กับตลาดหุ้น แต่ตรงกันข้ามหากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดการณ์อาจทำให้ตลาดตีความในเชิงลบและอาจส่งผลสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,337.87 จุด เพิ่มขึ้น 54.77 จุด หรือ +0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.55 จุด ลดลง 3.69 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,767.74 จุด ลดลง 30.36 จุด หรือ -0.22%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 446.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.31 จุด หรือ +0.75% โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์ถึง 1% เมื่อวันศุกร์ (10 พ.ย.)
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,046.53 จุด เพิ่มขึ้น 7.56 จุด หรือ +0.25%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 78.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.50 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 1,950.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,387.13 ลบ 2.44 จุด (-0.18%) Trading Volume: 46,157.93 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.14%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-0.41%) กลุ่มการแพทย์ (-3.16%) และกลุ่มธนาคาร (-0.47%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 60.96 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-7 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-7 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-11 bps     
    • นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,128.28 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,765.52 ล้านบาท  
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9

กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน