ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดสหรัฐปิดลบเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง หลังจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น และทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
• สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือน พ.ค. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 496,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.824 ล้านตำแหน่งในเดือน พ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.935 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 10.320 ล้านตำแหน่งในเดือน เม.ย.
• ตัวเลขการปลดออกจากงานของแรงงานสหรัฐอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านตำแหน่ง และตัวเลขการลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 4 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการลาออกเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 2.6%
• ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 497,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. ทั้งนี้ ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 373,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 124,000 ตำแหน่ง
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าภาคสินค้าและบริการของสหรัฐลดลง 7.3% สู่ระดับ 6.90 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน พ.ค. จากระดับ 7.44 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน เม.ย. ทั้งนี้ การนำเข้าลดลง 2.3% สู่ระดับ 3.161 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2564 ขณะที่การส่งออกลดลง 0.8% สู่ระดับ 2.471 แสนล้านดอลลาร์
• เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือน มิ.ย. จากระดับ 54.9 ในเดือน พ.ค.
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 248,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขาย
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
• นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเดินทางถึงกรุงปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศจีนแล้วในวันนี้ (6 ก.ค.) ในภารกิจเยือนจีน 4 วัน เพื่อปรับความเข้าใจกันหลังความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนทวีความร้อนแรง
• SET Index ซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน และปิดปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังรายงานการประชุมเฟดบ่งชี้ว่าคณะกรรมการส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.74%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-1.31%) และกลุ่มพาณิชย์ (-2.24%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,164.84 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,922.26 จุด ลดลง 366.38 จุด หรือ -1.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.59 จุด ลดลง 35.23 จุด หรือ -0.79% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,679.04 จุด ลดลง 112.61 จุด หรือ -0.82%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 447.22 จุด ร่วงลง 10.72 จุด หรือ -2.34%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,205.57 จุด ลดลง 17.37 จุด หรือ -0.54%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 71.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 11.70 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,915.40 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,490.46 ลบ 18.41 จุด (-1.22%)
    Trading Volume: 45,718.25 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดแกว่งตัว 1 bp
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
    • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1 bp