ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ หลังจากที่เฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
• นอกจากนี้ รายงานการประชุมเฟดยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.941% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.945% ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือน พ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือน มิ.ย. หลังปิดตลาด นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนและจีน ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) แบบรวมของยูโรโซนลดลงสู่ 49.9 ในเดือน มิ.ย. จาก 52.8 ในเดือน พ.ค. โดย PMI ภาคบริการลดลงสู่ 52.0 จาก 55.1
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีน หลังมีรายงานบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนชะลอตัวลง
• ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน มิ.ย.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 53.9 จากระดับ 57.1 ในเดือน พ.ค. เนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจและยอดสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลง
• หุ้นกลุ่มธนาคารจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงร่วงลง หลังโกลด์แมน แซคส์ปรับลดอันดับของเหล่าผู้ปล่อยสินเชื่อชั้นนำ โดยบริษัทได้ปรับลดอันดับของ AgBank จากระดับ "คงน้ำหนักการลงทุน" สู่ระดับ "ขาย" ขณะที่ทั้งธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชนา (ICBC) และธนาคารอินดัสเตรียล (Industrial Bank ) ต่างถูกปรับลดอันดับลงมาจาก "ซื้อ" สู่ "ขาย" ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะทางการเงินในภาคธนาคาร
• PMI แบบรวมของญี่ปุ่นลดลงสู่ 52.1 ในเดือน มิ.ย. จาก 54.3 ในเดือน พ.ค. โดย PMI ภาคบริการลดลงสู่ 54.0 จาก 55.9
• SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยซื้อขายในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน และปิดปรับตัวลดลง ในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลัง PMI ของจีนและญี่ปุ่นปรับตัวลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.47%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.59%) และกลุ่มไอซีที (+0.12%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,089.14 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,288.64 จุด ลดลง 129.83 จุด หรือ -0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,446.82 จุด ลดลง 8.77 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,791.65 จุด ลดลง 25.12 จุด หรือ -0.18%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 457.94 จุด ลดลง 3.36 จุด หรือ -0.73%
  • ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,222.95 จุด ลดลง 22.40 จุด หรือ -0.69%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 2.87% ปิดที่ 71.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,927.10 ดอลลาร์/ออนซ
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,508.87 ลบ 6.44 จุด (-0.42%)
    Trading Volume: 38,565.40 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดแกว่งตัว 1 bp
    • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1 - 3 bps