5 บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนจะถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ

• จีนมีการรายงานว่า บริษัทรัฐวิสาหกิจของจีน 5 แห่ง จะยื่นขอเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และจะมีผล 10 วันหลังจากยื่นขอเพิกถอน
• ความเสี่ยงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และตลาดรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว
• ก.ล.ต. สหรัฐ เปิดเผยบริษัทจีน 11 บริษัทที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ แต่บริษัทจีนอีกประมาณ 280 บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
• ผู้จัดการกองทุนมองว่า เรื่องนี้ช่วยให้มีเงินลงทุนในตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น และเป็นความเสี่ยงที่จัดการได้ เพราะนักลงทุนสามารถแปลงหุ้นมาเป็นหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกง ด้วยค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงมาก

สถานการณ์

• สื่อจีนมีการรายงานว่า บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน 5 แห่ง ได้แก่ China Life Insurance, PetroChina, China Petroleum & Chemical (Sinopec), Aluminium Corporation of China และ Sinopec Shanghai Petrochemical มีแผนที่จะถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดยทำการยื่นขอเพิกถอนช่วงวันที่ 22-29 สิงหาคม 2565 และคาดว่าจะมีผล 10 วันให้หลังจากการยื่นขอเพิกถอน
• การยื่นขอเพิกถอนนี้เป็นไปโดยสมัครใจ ซึ่งมาจากการพิจารณาหลายประการ รวมถึงปริมาณการซื้อขายที่ไม่มากนักในสหรัฐ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) กล่าวว่า บริษัทเหล่านี้ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดสหรัฐอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เข้าจดทะเบียน ซึ่งการตัดสินใจเพิกถอน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางธุรกิจนั้นๆ

มุมมองจากผู้จัดการกองทุน บลจ.กรุงศรี

• ความเสี่ยงที่หุ้นจีนจะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐไม่ใช่เรื่องใหม่ และตลาดรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว
• สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลต่อเนื่องจากการออกกฎหมาย HFCAA (Holding Foreign Companies Accountable Act) ในปี 2020 ซึ่งกำหนดว่าบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการตรวจสอบของสหรัฐ เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน จะต้องถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ ด้วยกฎนี้ จึงส่งผลให้บริษัทจีนมีแนวโน้มจะถูกเพิกถอนอย่างเร็วที่สุดในปี 2024
• ที่ผ่านมา ก.ล.ต. สหรัฐ ได้เปิดเผยบริษัทจีน 11 แห่ง ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ แต่บริษัทจีนอีกประมาณ 280 บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นของสหรัฐก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

แนวทางที่อาจจะเกิดขึ้นจากนี้ คือ

• แนวทางแรก คือ รัฐบาลจีน และสหรัฐเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยผู้จัดการกองทุนได้ติดตามความคืบหน้าการหาข้อยุตินี้ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง
• แนวทางที่สอง คือหุ้นบริษัทจีนที่มีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดต่างประเทศ (ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหุ้น American Depositary Receipts (ADR) หรือ หุ้นสามัญ) จะมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงมากขึ้น (ไม่ว่าจะในตลาดรอง หรือตลาดหลัก) ขึ้นอยู่กับบริษัทเหล่านั้น
  • ปัจจุบันบริษัทรายใหญ่ของจีนหลายบริษัท ที่จดทะเบียนหุ้น ADR ในสหรัฐได้เริ่มมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มเติมแล้ว
  • การที่หุ้นจีนได้มาจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นฮ่องกงด้วยนั้น น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดฮ่องกงในแง่ของกระแสเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น และด้วยเหตุนี้ทางทีมผู้จัดการกองทุนเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นความเสี่ยงที่จัดการได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบที่ต่ำจากการที่นักลงทุนสามารถแปลงหุ้นมาเป็นหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกง ด้วยค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงมาก

คำเตือน

• เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต