ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัททาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 1.3% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.9% จากระดับ 2.2% ในเดือน ก.ย. และหากเทียบเป็นรายเดือน ดัชนี PPI ลดลง 0.5% ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
• ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.1% ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือน ก.ย.
• เจย์ แฮทฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Capital Advisors กล่าวว่า ดัชนี CPI และ PPI ที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นการยืนยันว่าเฟดใกล้จะบรรลุเป้าหมายการทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง
• FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. และคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค. 2567 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. 2567
• สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและส่งให้วุฒิสภาพิจารณา ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์
• บริษัททาร์เก็ตเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2566 โดยหุ้นทาร์เก็ต ทะยานขึ้น 17.7% หุ้นเมซีส์ พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นนอร์ดสตรอม เพิ่มขึ้น 5.7%, หุ้นวอลมาร์ท เพิ่มขึ้น 1.3%
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเนื่องจากนักลงทุนขานรับเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในประเทศต่างๆ ซึ่งสนับสนุนโอกาสที่ธนาคารกลางจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
• ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐและอังกฤษชะลอตัวลงเกินคาดในเดือน ต.ค. ซึ่งจะสนับสนุนให้เฟด และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
• ยอดส่งออกของยูโรโซนลดลง 9.3% และยอดนำเข้าร่วงลง 23.9% ในเดือน ก.ย. โดยมีสาเหตุหลักจากราคาก๊าซธรรมชาติมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ยูโรโซนเกินดุลการค้า 1.0 หมื่นล้านยูโร ทางด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนลดลง 1.1% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ก.ย. ตามการลดลงของผลผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งประเภทคงทนและไม่คงทน พลังงาน และสินค้าขั้นกลาง
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 4.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ต.ค. ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 6.7% ในเดือน ก.ย. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.8%
• เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสเดือน ก.ค. - ก.ย. หดตัว 0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และหดตัว 2.1% ต่อปี เทียบกับในไตรมาสเดือน เม.ย. - มิ.ย. ที่ขยายตัว 1.1% จากไตรมาสก่อนหน้า และโต 4.5% ต่อปี และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจหดตัว 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า และหดตัว 0.6% ต่อปี โดยเป็นผลจากการบริโภคและการลงทุนลดลง
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขานรับรายงานยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
• ยอดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้น 7.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ต.ค. เร่งตัวจากเพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือน ก.ย. และสูงกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 7.0% โดยยอดค้าปลีกขยายตัวเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน ตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายในเกือบทุกหมวด ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือน ก.ย. และดีกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.4% ในขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 2.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 3.1% ในช่วง 9 เดือนแรก สำหรับอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 5.0% ในเดือน ต.ค.
• ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคที่ต่างปิดปรับตัวสูงขึ้นมากเช่นกัน หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด นักลงทุนจึงเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะไม่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด และอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรชะลอตัวลงมาก

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,991.21 จุด เพิ่มขึ้น 163.51 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,502.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,103.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.46 จุด หรือ +0.07%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด หรือ +0.42%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,072.83 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.55%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,964.30 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,415.17 บวก 29.13 จุด (+2.10%)  Trading Volume: 63,738.22 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายมาก ดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+2.08%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.15%) กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (+4.42%) และกลุ่มพาณิชย์ (+2.82%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,956.70 ล้านบาท
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-11 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-7 bps
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 5-10 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-11 bps
    • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 4-6 bps     
  • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,383.80 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,017.28 ล้านบาท  

• หุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก คลิก: KFGTECH-A | KFHTECH-A | KFGTECHRMF
• หุ้นเติบโตทั่วโลก คลิก: KFGG-A |  KFGGSSF | KFGGRMF