ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดสหรัฐปิดบวก หลังจากรายงานการประชุมเดือน พ.ย. ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
• นักลงทุนขานรับรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งระบุว่า "แม้กรรมการเฟดตระหนักว่าตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่ได้ส่งสัญญาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบของนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจ"
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 7.5% สู่ระดับ 632,000 ยูนิตในเดือน ต.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 570,000 ยูนิต
• เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.3 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 48.2 ในเดือน ต.ค.
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นเครดิตสวิสหลังเตือนเกี่ยวกับผลกำไร ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
• ผลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แสดงให้เห็นว่า การชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนบรรเทาลงเล็กน้อยในเดือน พ.ย. แต่อุปสงค์โดยรวมยังคงลดลง เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคผลิต-บริการขั้นต้นของยูโรโซนเดือน พ.ย. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 47.8 จาก 47.3 ในเดือน ต.ค. ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ในผลสำรวจรอยเตอร์ว่าจะลดลงแตะ 47.0
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเพียงเล็กน้อย โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในจีน
• นายหวาง อี้หมิง สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะขยายตัวมากกว่า 5% ในปี 2566 หากการหยุดชะงักจากโควิด-19 สิ้นสุดลง และรัฐบาลจีนออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นและการบริโภค
• SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ แดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้น ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค จากความคาดหวังว่าเฟดอาจลดความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.63%) ตามด้วย กลุ่มพาณิชย์ (+0.56%) กลุ่มธนาคาร (+0.07%) และกลุ่มอาหาร (-0.32%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,390.32 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,194.06 จุด เพิ่มขึ้น 95.96 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,027.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.68 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,285.32 จุด เพิ่มขึ้น 110.91 จุด หรือ +0.99%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 438.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.60 จุด หรือ +0.60%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,096.91 จุด เพิ่มขึ้น 7.96 จุด หรือ +0.26%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,745.6 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • ดัชนี SET ปิดที่ 1,624.40 บวก 9.07 จุด (+0.56%)
    Trading Volume: 64,614.28 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-5 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-4 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-6 bps
    • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 2-3 bps

กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีน A-Shares คลิก : KFACHINA-A | KFACHINSSF | KFACHINRMF